การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนการจัดการความรู้ 2) ศึกษาความต้องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนการจัดการความรู้ และ 3) หาแนวทางส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนการจัดการความรู้ กรณีศึกษา คณะวิทยาการจัดการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยนครพนม ประชากรและกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ ผู้บริหาร อาจารย์ และเจ้าหน้าที่ คณะวิทยาการจัดการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยนครพนม จำนวน 51 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 

ผลการวิจัยพบว่า

1. สภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนการจัดการความรู้ฯ มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( = 2.94, S.D. = 0.53) โดยมีการใช้เทคโนโลยีด้านการสื่อสาร มากที่สุด ( = 3.06, S.D. = 0.63) รองลงมาคือ ด้าน เทคโนโลยีด้านการจัดเก็บ ( = 3.05, S.D. = 0.51)

2. ความต้องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนการจัดการความรู้ฯ มีความต้องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.90, S.D. = 0.42) โดยมีความต้องการใช้เทคโนโลยีด้านการจัดเก็บ มากที่สุด ( = 4.03, S.D. = 0.39) รองลงมาคือ เทคโนโลยีสนับสนุนการทำงานร่วมกัน ( = 3.84, S.D. = 0.50)

3. แนวทางส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการจัดการความรู้ฯ พบว่า ควรส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการจัดการความรู้ ประกอบด้วย 1) เทคโนโลยีด้านการสื่อสาร ได้แก่ อีเมล์ (e-mail) ระบบสื่อสารแบบไร้สาย (Wireless LAN) หรือโซเชียลมีเดีย (Social Media) เช่น Facebook เป็นต้น 2) เทคโนโลยีสนับสนุนการทำงานร่วมกัน ได้แก่ การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ การจัดทำบทเรียนออนไลน์ (e-learning) การแชร์ทรัพยากรร่วมกัน เช่น เครื่องพิมพ์เอกสาร เครื่องถ่ายเอกสาร และการใช้ระบบสนับสนุนการทำงาน เช่น โปรแกรม Google App for Education เป็นต้น และ 3) เทคโนโลยีด้านการจัดเก็บ ได้แก่ การใช้โปรแกรม Microsoft Office การใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพาฮาร์ดดิสก์/แฟลชไดร์ฟ การใช้ระบบบริการการศึกษา การจัดทำระบบฐานข้อมูล เช่น ระบบงานสารบรรณ ระบบฐานข้อมูลบุคลากร จัดเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ เป็นต้น

This study aimed at: 1) investigating the states of the application of information technology to support knowledge management, 2) exploring the needs of the information technology application to support knowledge management, and 3) finding out guidelines of the information technology to support knowledge management. This study was a case study of the Faculty of Management and Information Technology, Nakhon Phanom University. The population and samples were 51 persons of executives, teaching staff and officials in the Faculty of Management and Information Technology, Nakhon Phanom University. The tools used to collect data included a questionnaire and a form of interview. The analytical statistics were frequency, percentage; mean and standard deviation.

The findings were as follows:

1. The states of the application of information technology to support knowledge management were at the medium level ( = 2.94, S.D. = 0.53). The needs of the information technology application was at the highest level ( = 3.06, S.D. = 0.63) and the filing technology ( = 3.05, S.D. = 0.51) respectively.

2. The needs of the application on information technology to support knowledge management were at the high level ( = 3.90, S.D. = 0.42). The needs of the technology of filing were at the highest level ( = 4.03, S.D. = 0.39) and the technology supporting participative working ( = 3.84, S.D. = 0.50) respectively. 

3. The guidelines in promoting the information technology application revealed that there should be the information technology application to support knowledge management including: 1) the information technology including e-mail, wireless LAN or social media e.g.  Facebook etc., 2) the technology to support cooperative working comprising the use of computer, the making of e-learning, the mutual sharing of resources, e.g. the typewriter. Xerox the copying machine as well as supporting system of working such as Google App for Education, and 3) The filing technology comprising Microsoft Office, the application of data filing materials, educational service system, database system e.g. documentation system, system of personnel database kept on servers etc.