การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้วิชาภาษาไทย เรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) ตรวจสอบประสิทธิผลของกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น ตามเกณฑ์ดัชนีประสิทธิผลตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระหว่างก่อนและหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น 4) เปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์เชิงภาษาไทย ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น และ 5) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนศึกษาประชาสามัคคี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสกลนคร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 26 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปา 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์เชิงภาษาไทย และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อกิจกรรมการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าทีแบบกลุ่มสัมพันธ์กัน (Dependent Samples t-test) และดัชนีประสิทธิผล (Effectiveness Index)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ประสิทธิภาพกิจกรรมการเรียนรู้วิชาภาษาไทย เรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1มีประสิทธิภาพเท่ากับ 74.12/75.13 ต่ำกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้

2. ประสิทธิผลของกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นเท่ากับ 0.55 คิดเป็นร้อยละ 55 ตามเกณฑ์ดัชนีประสิทธิผลที่กำหนดไว้

3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน หลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์เชิงภาษาไทย หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

5. ความพึงพอใจของนักเรียนต่อกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นอยู่ในระดับมาก ( x = 4.09, S.D. = 0.87)
 

The purposes of this research were to: 1) develop the Thai language learning activities on the topic of Rachathiraj on Saming Phra Rama Asa based on the CIPPA instructional model for Mathayomsuksa 1 students to achieve the required efficiency criteria of 80/80, 2) validate the developed learning activities to achieve the effectiveness index criteria of 50 percent or more, 3) compare students’ learning achievement scores obtained before and after the intervention, 4) compare students’ analytical thinking abilities before and after the intervention, and 5) examine students’ satisfaction with the developed learning activities. The sample group consisted of 26 Mathayomsuksa 1 students enrolled in the second semester of the 2022 academic year at Suksaprachasamakkee School under the Secondary Educational Service Area Office Sakon Nakhon, selected through cluster random sampling. The research instruments included: 1) lesson plans using the CIPPA instructional model, 2) a learning achievement test, 3) an analytical thinking ability test, and 4) a set of questionnaires on students’ satisfaction with the developed learning activities. The statistics for data analysis were percentage, mean, standard deviation, Dependent Samples t-test, 
and Effectiveness Index

The findings were as follows:
        1. The effectiveness of the developed learning activities on the topic of Rachathiraj on Saming Phra Rama Asa based on the CIPPA Instructional Model for Mathayomsuksa 1 students achieve the efficiency of 74.12/75.13 which was lower than the set criteria of 80/80.
        4. The students’ analytical thinking abilities after the intervention were higher than those before the intervention at the .01 level of significance.
        5. The satisfaction on the students toward the developed learning activities was at a high level (  = 4.09, S.D. = 0.87).