สืบค้นเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) จากฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (Thesis Database) ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาระดับปัจจัยทางการบริหารและประสิทธิภาพการจัดการแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางการบริหารกับประสิทธิภาพการจัดการแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนมี 3) วิเคราะห์ปัจจัยทางการบริหารที่เป็นตัวพยากรณ์ที่ดีของประสิทธิภาพการจัดการแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน และ 4) ศึกษาแนวทางพัฒนาปัจจัยทางการบริหารที่เป็นตัวพยากรณ์ที่ดีของประสิทธิภาพการจัดการแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษา คือบุคลากรในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 318 คน จำแนกเป็นผู้บริหาร 91 คน และครูผู้สอน 227 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของ Krejcie and Morgan ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้เป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ เป็นแบบสอบถามข้อมูลการรับรู้เกี่ยวกับปัจจัยทางการบริหาร มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .468 ถึง .930 มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.972 และแบบสอบถามข้อมูลการรับรู้เกี่ยวกับการจัดการแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .607 ถึง .923 มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.976 และแบบสัมภาษณ์ เชิงลึก สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานการวิเคราะห์ค่าสหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน การทดสอบค่าที และวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณทีละขั้น
ผลการวิจัยพบว่า
1. ปัจจัยทางการบริหาร โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก และประสิทธิภาพการจัดการแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน โดยภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด
2. ปัจจัยทางการบริหารกับประสิทธิภาพการจัดการแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนโดยภาพรวมมีความสัมพันธ์กันในระดับมาก และมีความสัมพันธ์กันทางบวก (rxy= .788) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ปัจจัยทางการบริหารที่เป็นตัวพยากรณ์ที่ดีของประสิทธิภาพการจัดการแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน มี 4 ด้าน คือ ด้านนโยบายและการปฏิบัติ ด้านโครงสร้างองค์การ ด้านกระบวนการบริหาร และด้านภาวะผู้นำของผู้บริหาร ตัวแปรที่มีอำนาจพยากรณ์ดีที่สุด คือ ด้านนโยบายและการปฏิบัติ มีค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยของการพยากรณ์ เท่ากับ .404 และด้านภาวะผู้นำ ของผู้บริหาร สามารถร่วมกันพยากรณ์ประสิทธิภาพการจัดการแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน โดยรวมได้ร้อยละ 62.50 และมีความคลาดเคลื่อนมาตรฐานของการพยากรณ์ ±0.20087
4. แนวทางพัฒนาปัจจัยทางการบริหาร ที่เป็นตัวพยากรณ์ที่ดีของประสิทธิภาพการจัดการแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน มี 4 ด้าน ดังนี้คือ 1) ด้านนโยบายและ การปฏิบัติ ควรกำหนดวิสัยทัศน์ แนวปฏิบัติหรือเป้าหมายการบริหารชัดเจนสอดคล้องกับบริบทของโรงเรียน 2) ด้านโครงสร้างองค์การ ควรมีสายการบังคับบัญชามีการกำหนดบทบาทหน้าที่การปฏิบัติงาน ความรับผิดชอบบุคลากรให้ชัดเจน 3) ด้านกระบวนการบริหาร ผู้บริหารต้องมีแผนปฏิบัติงาน กำหนดวิสัยทัศน์ กำหนดกิจกรรม โครงการเพื่อมุ่งผลสัมฤทธิ์ทางการจัดการศึกษาของโรงเรียน และ 4) ด้านภาวะผู้นำของผู้บริหาร ผู้บริหารควรมีวิสัยทัศน์ในการบริหารงาน มีความสามารถในการแก้ไขปัญหา ตัดสินใจได้เหมาะสมกับสถานการณ์
The purposes of this research were to 1) examine the level of administrative factors and the effectiveness of learning resources management in schools; 2) to analyze the relationship between administrative factors and the effectiveness of learning resources management in schools; 3) to analyze the administrative factors that provided good predictors of the effectiveness of learning resources management in schools, and 4) examine guidelines for developing administrative factors that were good predictors of the effectiveness of learning resources management in schools. The sample group, obtained through stratified random sampling, consisted of 318 personnel, comprising 91 administrators and 227 teachers, who worked in schools under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area 3 in the academic year 2020. The sample size was determined using Krejcie and Morgan’s table. Data collection tools included sets of 5-rating scale questionnaires on the perceived administrative factors with the discriminative power from .468 to .930 and the reliability of 0.972, and the perceived learning resources management in schools with the discriminative power from .607 to .923, and the reliability of 0.976, and in-depth interview forms. The statistics for data analysis were percentage, mean, standard deviation, Pearson's product-moment correlation coefficient, t-test, and Stepwise multiple regression analysis.
The findings were as follows:
1. The administrative factors were overall at a high level, and the effectiveness of learning resources management in schools was overall at the highest level.
2. The administrative factors and the effectiveness of learning resources management in schools, overall had a positive relationship at a high level (Rxy = .788) with the .01 level of significance.
3. The administrative factors that were good predictors of the effectiveness of learning resource management in schools comprised four aspects: Policy and Practice, Organizational Structure, Administrative Process, and Administrators’ Leadership. The variables with the best predictive power were Policy and Practice with a regression coefficient of .404, and Administrators’ Leadership, and could jointly predict the effectiveness of learning resource management in schools overall at 62.50 percent with a standard error of estimate of ±0.20087.
4. The guidelines for developing administrative factors that were good predictors of the effectiveness of learning resources management in schools included four aspects as follows: 1) Policy and Practice. Administrators should establish specific visions, performance standards, or goals based on the school context; 2) Organizational Structure. Administrators should have a chain of command and well-defined performance roles and responsibilities for personnel; 3) Administrative Process. Administrators must have an action plan, and define visions, activities, and projects to achieve educational management in schools, and 4) Administrators’ Leadership. Administrators should have visions in administration, problem-solving abilities, and make decisions that are appropriate for the circumstances.
ลำดับที่ | ดาวน์โหลดไฟล์ | ขนาดไฟล์ |
1 | fulltext | 6,898.72 KB |