ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (E-Thesis) SNRU

สืบค้นเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) จากฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (Thesis Database) ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

ชื่อวิทยานิพนธ์
โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียนมาตรฐานสากลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
The Causal Relationship Model of Factors Affecting Effectiveness of World–Class Standard Schools in the Northeastern Region
ผู้จัดทำ
พงษ์พิพัฒน์ นารินรักษ์ รหัส 63632250104 ระดับ ป.เอก ภาคพิเศษ
หลักสูตร
ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.) สาขาวิชา การบริหารการศึกษา
ปี พ.ศ.
2566
ที่ปรึกษา
รองศาสตราจารย์ ดร.ศิกานต์ เพียรธัญญกรณ์ , ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพลินพิศ ธรรมรัตน์
บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาระดับประสิทธิผลโรงเรียนมาตรฐานสากล ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และปัจจัยเชิงสาเหตุที่เลือกมาศึกษา 2) ตรวจสอบโมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียนมาตรฐานสากลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่พัฒนาขึ้นกับข้อมูลเชิงประจักษ์ 3) หาแนวทางพัฒนาปัจจัยที่ส่งผลทางตรงต่อประสิทธิผลโรงเรียนมาตรฐานสากลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การดำเนินการวิจัย แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 สร้างโมเดลสมมติฐาน โดยมีขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 การศึกษาและวิเคราะห์เอกสารเป็นการศึกษาหลักการ ทฤษฎี แนวคิดเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียน ขั้นที่ 2 การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียนจากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 9 คน ระยะที่ 2 การตรวจสอบความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ กลุ่มตัวอย่างคือโรงเรียนมาตรฐานสากลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 420 โรงเรียน โดยผู้ให้ข้อมูล คือ  ผู้บริหารโรงเรียน หัวหน้างานวิชาการ และครูผู้สอน จำนวน 1,260 คน และระยะที่ 3 การหาแนวทางพัฒนาปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียนมาตรฐานสากลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง (SEM) และการวิเคราะห์ตัวแบบเชิงเส้น โดยใช้สถิติ ไค-สเควร์ (Chi-Square) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม SPSS และโปรแกรมสำเร็จรูป LISREL ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยสถิติขั้นสูง และสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 9 คน

ผลการวิจัยพบว่า

1. ประสิทธิผลโรงเรียนมาตรฐานสากลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (x ̅ = 4.25) และปัจจัยสาเหตุทุกตัวมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ภาวะผู้นำของผู้บริหาร (x ̅ = 4.28) วัฒนธรรมองค์การ (x ̅ = 4.30) การจัดการเรียนรู้ของครู (x ̅ = 4.31) และองค์การแห่งการเรียนรู้ (x ̅ = 4.31)

2. โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียนมาตรฐานสากลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่สร้างขึ้นมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยค่าไคว์-สแควร์ (χ2) มีค่าเท่ากับ 62.99 ที่องศาอิสระ (df) เท่ากับ 47 ค่าความน่าจะเป็น (p) เท่ากับ .05946 ค่าไค-สแควร์สัมพัทธ์ (χ2/ds) เท่ากับ 1.34 ผลการวิเคราะห์ค่าดัชนีความกลมกลืน (GFI) มีค่าเท่ากับ .99 ค่าดัชนีความกลมกลืนที่ปรับแก้แล้ว (AGFI) มีค่าเท่ากับ .97 ค่าดัชนีรากกำลังสองเฉลี่ยของส่วนที่เหลือ (RMR) มีค่าเท่ากับ .00 และค่าสัมประสิทธิ์การพยากรณ์ (R2) เท่ากับ .94 เมื่อนำโมเดลไปให้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 9 คน ยืนยัน พบว่า ผู้เชี่ยวชาญทุกคนยืนยันโมเดลตามผลการวิเคราะห์

3. การวิจัยครั้งนี้ได้นำเสนอแนวทางพัฒนาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลโรงเรียนมาตรฐานสากลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยปัจจัยที่ส่งผลทางตรง 4 ตัว คือ ปัจจัยภาวะผู้นำของผู้บริหารโดยผู้บริหารควรพัฒนาเครือข่ายความสัมพันธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของโรงเรียน ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ส่วนรวมและมีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายร่วมกันกับบุคลากรในองค์การให้สูงขึ้นอย่างยั่งยืน  ปัจจัยวัฒนธรรมองค์การโดยทุกคนในองค์การร่วมกันสร้างบรรยากาศการทำงานให้เกิดความสุขต้องมีวัฒนธรรมองค์การ มีแผนบริหารที่ชัดเจน สามารถประเมินผลเป็นรูปธรรมได้ ปัจจัยการจัดการเรียนรู้ของครูโดยครูจะต้องสอนวิธีการแสวงหาความรู้มากกว่าการสอนตัวความรู้ให้กับผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนรักการเรียนรู้อันจะนำไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต และเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ และปัจจัยองค์การแห่งการเรียนรู้โดยโรงเรียนจะต้องมีวิธีการสร้างเสริมให้ระบบโครงสร้างของโรงเรียนสามารถช่วยส่งเสริม สนับสนุนการเรียนการสอนได้อย่างต่อเนื่อง และช่วยให้โรงเรียนมีการปรับตัวเพื่อการเปลี่ยนแปลง 
 

Abstract

The research aimed to 1) examine the level of effectiveness of world-class standard schools (WCSS) in the Northeastern region, 2) determine the causal relationship model of factors influencing the effectiveness of WCSS in the northeastern region with the empirical data, and 3) to establish the guidelines for developing the factors that directly affected the effectiveness of WCSS in the northeastern region. The 3-phrase research was carried out as follows: Phase 1: Creating a hypothesis model with the following steps: Step 1: Document inquiries on principles, theories, and concepts of factors influencing the school effectiveness, and Step 2: Examining factors affecting the school effectiveness through nine experts; Phase 2: Validating the consistency with the empirical data. The sample consisted of 1,260 participants, including school administrators, heads of academic affairs, and teachers from 420 WCSS in the northeastern region, Thailand; Phase 3: Establishing guidelines for developing factors affecting the effectiveness of WCSS in the northeastern region. The Chi-square statistics were used to analyze a linear model analysis and perform structural equation modeling (SEM). The software package SPSS and LISREL were used in the quantitative data analysis, and nine expert interviews.

The findings were as follows:

1. The average effectiveness of world-class standard schools was at a high level (x ̅ = 4.25), and all causal factors were at a high level, including administrators’ leadership (x ̅ = 4.28), organizational culture (x ̅  = 4.30), teachers’ learning management (x ̅ = 4.31), and learning organization (x ̅  = 4.31).

2. The developed causal model of factors influencing the effectiveness of world-class standard schools was consistent with the empirical data, with the following values: chi-square value (χ2) of 62.99, degrees of freedom (df) of 47, p-value of .05946, relative chi-square (χ2/df) of 1.34, goodness of fit index (GFI) of .99, adjusted goodness of fit (AGFI) of .97, root mean squared residual (RMR) of .00, and predictive coefficient of determination (R2) of .94. Nine experts confirmed that the developed model was consistent with the research result analysis.

3. The research suggests the guidelines for developing the four factors that directly influenced the effectiveness of world-class standard schools in the northeastern region:  Administrators should establish beneficial networks, prioritize shared common goals, and work collaboratively with personnel to maintain sustainability to exercise leadership. Organizational culture should foster collaboration to create a positive working atmosphere and have well-defined and concrete administrative plans. For learning management, teachers must focus on knowledge acquisition rather than imparting content knowledge and inspire learners to become lifelong learners and learning persons. Schools must also implement a range of strategies to continuously support the school structure system to promote teaching and learning and adapt to change for a  successful learning organization.
 

คำสำคัญ
โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ ประสิทธิผลโรงเรียนมาตรฐานสากล
Keywords
Causal Relationship Model of Factors, Effectiveness of World–Class Standard Schools
ไฟล์วิทยานิพนธ์
ลำดับที่ ดาวน์โหลดไฟล์ ขนาดไฟล์
1 fulltext 14,503.19 KB
วันที่นำเข้าข้อมูล
8 พฤษภาคม 2566 - 14:04:43
View 746 ครั้ง


^