การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายของการวิจัย เพื่อศึกษาองค์ประกอบของสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ ความต้องการจำเป็น แนวทางการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ และเพื่อศึกษาผลการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อการพัฒนาสมรรถนะ

ในการจัดการเรียนรู้ของครู ในยุคดิจิทัล โรงเรียนศูนย์เครือข่ายการศึกษาที่ 19 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 มีลักษณะเป็นการวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR) ดำเนินการ 2 วงรอบ

แต่ละวงรอบดำเนินการ 4 ขั้นตอน ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 การวางแผน (Planning) ขั้นตอนที่ 2 การปฏิบัติตามแผน (Action) ขั้นตอนที่ 3 การสังเกตการณ์ (Observation) ขั้นตอนที่ 4 การสะท้อนผลการปฏิบัติ (Reflection) พื้นที่เป้าหมายการพัฒนาในการทำวิจัย คือครูในศูนย์เครือข่ายการศึกษา ที่ 19 ประกอบด้วย 9 โรงเรียนในพื้นที่ 2 ตำบล คือ ตำบลบ้านต้าย และตำบลหนองหลวง อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร กลุ่มผู้ร่วมวิจัยประกอบด้วย ผู้วิจัยซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน จำนวน 1 คน ผู้ร่วมวิจัย ได้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเป็นครูแกนนำ โรงเรียนละ 3 คน รวม 27 คน กลุ่มผู้ให้ข้อมูลจำนวน 18 คน ได้แก่ หัวหน้างานวิชาการ โรงเรียนละ 1 คน จำนวน 9 คน ผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนละ 1 คน รวม 8 คน และศึกษานิเทศก์ประจำศูนย์เครือข่ายการศึกษาที่ 19 จำนวน 1 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสอบถามความต้องการจำเป็น 2) แบบสอบถามการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ 3) แบบประเมินสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ของครู 4) แบบสัมภาษณ์ การพัฒนา

เครือข่ายความร่วมมือ และ 5) แบบสังเกตการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ

             ผลการวิจัย พบว่า

                 1. องค์ประกอบสมรรถนะของครูในการจัดการเรียนรู้ยุคดิจิทัล มี 5 องค์ประกอบ คือ 1) การมีความรู้และทักษะดิจิทัล 2) ภาวะความเป็นผู้นำครู 3) การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา 4) การจัดการเรียนรู้ ในยุคดิจิทัล และ 5) การทำงานเป็นทีม และการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ ประกอบด้วย 1) การกำหนดวัตถุประสงค์    2) หาสมาชิกเครือข่าย และ 3) การมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานของสมาชิกเครือข่าย

                 2. ความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะของครูในการจัดการเรียนรู้ยุคดิจิทัล พบว่า ความต้องการจำเป็นในการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือลำดับที่ 1 คือ     การกำหนดวัตถุประสงค์ ลำดับที่ 2 คือ หาสมาชิกเครือข่าย และลำดับที่ 3 คือ การมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานของสมาชิกเครือข่าย ส่วนความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ของครูในยุคดิจิทัล ลำดับที่ 1 คือ ภาวะความเป็นผู้นำครู ลำดับที่ 2 การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ลำดับที่ 3 การจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล    ลำดับที่ 4 การทำงานเป็นทีม และลำดับที่ 5 การมีความรู้และทักษะดิจิทัล ตามลำดับ

                 3. การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อการพัฒนาสมรรถนะของครูในการจัดการเรียนรู้ยุคดิจิทัล ประกอบด้วย 1) การอบรมเชิงปฏิบัติการ 2) การพัฒนาขณะปฏิบัติงาน 3) การศึกษาและพัฒนาตนเอง 4) การประชุมกลุ่มย่อย และ 5) การรายงานผลการพัฒนา

                  4. ผลการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อการพัฒนาสมรรถนะครู ในการจัดการเรียนรู้ยุคดิจิทัล คือ 1) ครูแกนนำจำนวน 27 คน สร้างสมาชิกเครือข่าย 1.1) ครูแกนนำแต่ละคน ได้สมาชิกเครือข่ายอย่างน้อย 1 คน โดยครูแกนนำจำนวน 27 คน สร้างสมาชิกเครือข่ายได้ครบทุกคน ครบทุกโรงเรียน จำนวน 43 คน รวมครูแกนนำและครูสมาชิกเครือข่ายมีจำนวน 70 คน คิดเป็นร้อยละ 100 1.2) ครูที่เป็นสมาชิกเครือข่ายมีความรู้ และมีสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ ยุคดิจิทัล 2) ผลที่เกิดกับนักเรียนของแกนนำและครูสมาชิกเครือข่าย 2.1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2.2) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนโดยรวม และรายด้านทุกด้าน อยู่ในระดับดีเยี่ยม 2.3) สมรรถนะของผู้เรียน โดยรวม และรายสมรรถนะทุกสมรรถนะ อยู่ในระดับดีเยี่ยม และ 3) ผลที่เกิดกับโรงเรียน คือ นักเรียนทุกโรงเรียนได้รับรางวัล ชนะเลิศ ระดับศูนย์เครือข่ายการศึกษาที่ 19 และเป็นตัวแทนโรงเรียนเข้าแข่งขันในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ทั้งในด้านวิชาการ ด้านทักษะชีวิต และด้านทักษะอาชีพ

         The purposes of this research aimed to examine the components of learning management competency, assess the needs, establish guidelines for developing collaborative network, and evaluate the effects of collaborative network development for enhancing learning management competency of teachers in the digital age within schools under the Educational Network Center 19, Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 2. The participatory action research (PAR) approach was employed and organized into two spirals, each comprising four phases: Planning (Phase 1), Action (Phase 2), Observation (Phase 3), and Reflection (Phase 4). The developmental area of research focus included teachers from nine different schools under the Educational Network Center 19, situated in the subdistricts of Bann Tai, and Nong Luang, Sawang Daen Din district, Sakon Nakhon Province. The co-researcher group consisted of a researcher as a school director, 27 co-researchers who were civil service teachers and educational personnel, selected as three master teachers from each school, and 18 informants. The informants comprised one representative from each school, resulting in a total of nine heads of academic affairs administration, nine school directors, and one educational supervisor from the Educational Network Center 19. The research tools included 1) a needs assessment questionnaire, 2) a questionnaire on collaborative network development, 3) an evaluation form measuring teachers’ learning management competency, 4) an interview form on collaborative network  development, and 5) an observation form for assessing collaborative network development.

The findings were as follows:

                 1. The teachers’ competency in learning management in the digital age comprised five components: 1) Digital knowledge and skills, 2) teacher leadership, 3) school curriculum development, 4) learning management in the digital age, and

5) teamwork. The collaborative network development involved 1) objective formulation, 2) recruitment of network members, and 3) network members’ participation in performance.

                 2. The need for developing teachers’ competency in learning management in the digital age revealed that the most needed aspect was objective formulation, followed by recruitment of network members, and network members’ participation in performance, respectively. In terms of the need for improving teachers’ learning management competency in the digital age, teacher leadership emerged as the top priority, followed by school curriculum development, learning management in the digital age, teamwork, and digital knowledge and skills, respectively.

                 3. The collaborative network development for improving teachers’ learning management competency in the digital age involved 1) workshops, 2) on-the-job development opportunities, 3) self-study and self-development, 4) a focus group, and 5) development reports.

                 4. The effects after the collaborative network development for enhancing teachers’ learning management competency in the digital age revealed that: 1) Recruitment of Network Members: 1.1) Each of the 27 master teachers successfully recruited at least one member from all network schools. In total, 43 teachers were recruited, resulting in a combined group of 70 individuals, accounting for 100 percent, 1.2) The teachers as network members obtained knowledge and competency in learning management in the digital age; 2) Impact on Students of Master Teachers and Teachers as Network Members: 2.1) The learning achievement was higher than the defined criteria, 2.2) The desirable characteristics were at an excellent level both overall and in each aspect, 2.3) The learners’ competency was at an excellent level across all aspects of the required competencies, and 3) Impact on Schools: Students from all network schools attained first-place awards at the Educational Network Center 19 level and represented their schools in competitions at the educational area level in academics, life skills, and career skills.