การพัฒนาคู่มือการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือ มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) หาค่าดัชนีประสิทธิผลของคู่มือการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E)ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือตามเกณฑ์ดัชนีประสิทธิผลที่ระดับ 0.50 ขึ้นไป 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2ที่เรียนโดยใช้คู่มือการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือ3)เปรียบเทียบเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้คู่มือการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือของนักเรียน  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างก่อนและหลังเรียนกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนโพนสวรรค์ราษฎร์พัฒนา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22 ที่เรียนอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 จำนวน
1 ห้องเรียน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ดำเนินการวิจัยโดยใช้แบบแผน การวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีประสิทธิผล (Effectiveness Index : E.I.) สถิติทดสอบค่าที (t-test  for dependent Samples)

ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

1. ดัชนีประสิทธิผลของคู่มือการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์โดยรวมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.54 และเมื่อแยกเป็นรายด้าน พบว่า ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีค่าเท่ากับ 0.52 และด้านเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์มีค่าเท่ากับ 0.56 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนโดยใช้คู่มือการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือ มีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. เจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์ก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนโดยใช้คู่มือการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือ โดยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

The purposes of this research were to : 1) find out the effectiveness index of the manual of Inquiry Learning Cycle (5E) with co-operative Learning through effectiveness index criteria from 0.50 upwards, 2) compare the students’ learning achievements of Mattayomsuksa 2 between before and after learning through the developed manual, and 3) compare the students’ attitudes between before and after learning through the developed manual. The sampling group was the students from one classroom in Mattayomsuksa 2 at Phonsawan Ratpattana School under the Office of Secondary Educational Serveive Area 22, enrolling in the first semester of academic year 2014. If was selected by Cluster Random Sampling technique. The research was performed by experimental research methodology. The statistics employed to analyse the data were mean, standard deviation, Effectiveness Index, and t-test (Depenent Samples)

The research findings were :

1. The effectiveness index of the manual of Inquiry Learning Cycle (5E) with co-operative Learning affecting to the students’ learning achievements and attitudes towards the science subject, as a whole, at the mean of 0.54. When considering in each aspect, it was found that the learning achievements were 0.52 and  the attitudes towards the science subject were 0.56 which were higher than the set criteria.

2. The students’ learning achievements after learning through the developed manual were higher than before at the .05 level of significance.

3. The students’ attitudes towards the science subject after learning through the developed manual were higher than before at the .05 level of significance.