สืบค้นเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) จากฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (Thesis Database) ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
งานวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้ตามสภาพจริง หน่วยการเรียนรู้ อัตราส่วน สัดส่วน และร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้เรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น กลุ่มตัวอย่างการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านท่าเชียงเครือ อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 มีจำนวนนักเรียน 13 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ และการทดสอบค่าทีแบบสองกลุ่มที่ไม่อิสระจากกัน (Dependent Samples t–test)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ ที่พัฒนาขึ้น มีค่าเท่ากับ 76.15/78.97 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 75/75 ที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น อยู่ในระดับมาก (= 4.49, S.D. = 0.53)
The purposes of this research were to 1) develop mathematics learning activities based on authentic learning concept on the topic of the Ratio, Proportion and Percentage learning unit for Mathayomsuksa 1 students to meet the efficiency criteria of 75/75, 2) compare the students’ learning achievement scores obtained before and after the intervention, and 3) examine the students' satisfaction toward learning through the developed learning activities. The subjects, selected through cluster random sampling, were 13 Mathayomsuksa 1 students studying in the second semester of 2019 academic year at Ban Thachiangkhruea School, Seka District, Bueng Kan Province under Bueng Kan Primary Educational Service Area Office. The research instruments consisted of: 1) learning activity management plans, 2) a learning achievement test, and 3) a satisfaction questionnaire. The statistics for data analysis were mean, standard deviation, and Dependent Samples t-test.
The findings revealed that:
1. The efficiency of the developed learning activities reached 76.15/ 78.97 which was higher than the set criteria of 75/75.
2. The students had higher levels of learning achievement after the intervention than those of before the intervention at the level of .01 statistical significance.
3. The students' satisfaction toward learning through the developed learning activities was at a high level ( = 4.49, S.D. = 0.53).