การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เมทริกซ์ ตามแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/752) ตรวจสอบประสิทธิผลของกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นกับเกณฑ์ดัชนีประสิทธิผลมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 50 3) เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนมุกดาวิทยานุกูล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามุกดาหาร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 36 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีแบบกลุ่มตัวอย่างไม่เป็นอิสระกัน (Dependent Samples t-test)

ผลการวิจัยสรุปได้ว่า

1. ประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่พัฒนาขึ้น มีค่าเท่ากับ 79.06/78.43 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่ 75/75

2. ดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่พัฒนาขึ้นมีค่าเท่ากับร้อยละ 69.18 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ที่อย่างน้อยร้อยละ 50

3. นักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่ถูกพัฒนาขึ้น มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่พัฒนาขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุด ( x = 4.68, S.D. = 0.10)
 

The purposes of this research were: 1) to develop Mathematics learning activities on Matrix based on a flipped classroom concept with a constructivist instructional model for Mathayomsuksa 5 students to meet the efficiency of 75/75, 2) to examine the effectiveness of the developed Mathematics learning activities according to the effectiveness index criterion of 50 percent or above, 3) to compare the students’ learning achievement before and after the intervention, and 4) to examine students’ satisfaction with the developed Mathematics learning activities. The sample group, obtained through cluster random sampling, consisted of 36 students from Mathayomsuksa 5/1 at Mukdawittayanukul School, in the second semester of 2021 academic year. The research instruments included 1) lesson plans, 2) an achievement test, and 3) a satisfaction questionnaire toward the developed learning activities. The statistics for data analysis were percentage, mean, standard deviation, and Dependent Samples t-test.

The findings were as follows:

1. The efficiency of the developed Mathematics learning activities was 79.06/78.43, which was higher than the defined criteria of 75/75.

2. The effectiveness index of the developed Mathematics learning activities was 69.18, which met the defined criterion of at least 50 percent.

3. The mean of students’ learning achievement after the intervention was higher than that before the intervention at the .01 level of significance.

4. The students’ satisfaction with the developed Mathematics learning activities was at the highest level (x = 4.68, S.D. = 0.10).