การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง บทประยุกต์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง บทประยุกต์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิผลตามเกณฑ์มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 50 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น 4) เปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น 5) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านหนองสะโนนาสมบูรณ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนมเขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 13 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3) แบบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานโดยใช้สถิติ Wilcoxon signed-rank test

ผลการวิจัยพบว่า

1. ประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่พัฒนาขึ้น มีเท่ากับ 76.08/76.79 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่ 75/75 

2. ดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่พัฒนาขึ้น มีเท่ากับ 53.29 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ที่อย่างน้อยร้อยละ 50

3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่พัฒนาขึ้น สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. ความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่พัฒนาขึ้นสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

5. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่พัฒนาขึ้นอยู่ในระดับมากที่สุด ( x = 4.56, S.D. = 0.17)
 

The purposes of this research were: 1) to develop mathematical learningactivities based on problem-based learning entitled “Application” for Prathomsuksa 6 students to meet the efficiency of 75/75, 2) to find out the effectiveness index of the developed learning activities to reach the criteria of 50 percent or above, 3) to compare the students’ learning achievement before and after the intervention, 4) to compare the students’ abilities to solve mathematical problems before and after the intervention, and 5) to examine students’ satisfaction toward learning through the developed learning activities. The samples consisted of 13 students of Prathomsuksa 6 in the second semester of academic year 2019 at Nongsanonasomboon School, obtained through purposive sampling. The research instruments consisted of: 1) lesson plans, 2) an achievement test, 3) an assessment form of mathematical problem-solving abilities, and 4) a satisfaction form of students toward learning through the developed learning activities. The statistics for data analysis were percentage, mean, standard deviation, and Wilcoxon signed-rank test.

The findings were as follows:

1. The effectiveness of the developed learning activities was 76.08/76.79, which was higher than the set criteria of 75/75.

2. The effectiveness index of the developed learning activities was 53.29, which met the defined criteria of at least 50 percent.

3. The student learning achievement after the intervention was higherthan that of before the intervention at the .05 level of statistical significance.

4. The students’ mathematical problem-solving abilities after the intervention was higher than those of before the intervention at the .05 level of statistical significance.

5. The students’ satisfaction toward learning through the developed learning activities was at the highest level ( x = 4.56, S.D. = 0.17).