ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (E-Thesis) SNRU

สืบค้นเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) จากฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (Thesis Database) ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

ชื่อวิทยานิพนธ์
อิทธิพลของธรรมาภิบาลต่อประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดสกลนคร
Influence of Good Governance on the Effectiveness of Managing Sakon Nakhon Sangha Affairs
ผู้จัดทำ
สมยศ มานะคงคา รหัส 61426423101 ระดับ ป.โท ภาคพิเศษ
หลักสูตร
รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (รป.ม.) สาขาวิชา รัฐประศาสนศาสตร์
ปี พ.ศ.
2563
ที่ปรึกษา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชาติชัย อุดมกิจมงคล , ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ละมัย ร่มเย็น
บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับของธรรมาภิบาลและประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดสกลนคร 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของธรรมาภิบาลต่อประสิทธิผลบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดสกลนคร 3) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดสกลนคร กลุ่มตัวอย่างได้แก่ พระภิกษุในจังหวัดสกลนคร จำนวน 376 รูป และดำเนินการสุ่มตัวอย่างแบบเทียบสัดส่วน และการสุ่มอย่างง่าย โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ  

ผลการวิจัยพบว่า 

1. การบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาลของคณะสงฆ์จังหวัดสกลนคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( =4.03) และประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดสกลนคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( =3.88)

2. การบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาลด้านหลักความมีส่วนร่วม (β=.295) และด้านหลักความโปร่งใส (β=.255) มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดสกลนคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .00 ด้านหลักความรับผิดชอบ (β=.161) มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดสกลนคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และด้านหลักนิติธรรม (β=.110) มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดสกลนคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาล ด้านหลักคุณธรรม และด้านหลักความคุ้มค่า ไม่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดสกลนคร โดยสามารถร่วมกันทำนายระดับประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดสกลนคร ได้ร้อยละ 63.60

3. แนวทางการพัฒนาการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาลและประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดสกลนคร ได้แก่ ควรมีการกำหนดกฎระเบียบที่รัดกุมเกี่ยวกับการดูแลศาสนสมบัติของวัดตามกฎระเบียบของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติอย่างเคร่งครัด ควรเปิดโอกาสให้พระภิกษุผู้มีความรู้ความสามารถตั้งใจทำงาน และมีคุณสมบัติเหมาะสม เข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองคณะสงฆ์และดำรงตำแหน่งเป็นผู้ปกครองในระดับต่าง ๆ รัฐบาลควรให้ทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณรเพื่อเป็นการส่งเสริมการศึกษาให้สูงขึ้น พระสงฆ์ควรพัฒนาตนให้มีความรู้รอบด้านทั้งทางโลกและทางธรรมอยู่เสมอ และควรส่งเสริมให้วัดเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาชุมชน และเป็นศูนย์รวมในการสร้างสามัคคีในชุมชน
 

Abstract

The purposes of this study included the following 1) to investigate the level of good governance and the effectiveness of managing Sakon Nakhon sangha affairs, 2) to examine the effects of good governance on the effectiveness of managing Sakon Nakhon sangha affairs, and 3) to study and gain guidelines on developing the effectiveness of managing Sakon Nakhon sangha affairs. The samples consisted of 376 Buddhist monks of Sakon Nakhon province. The instrument used for data collection was a questionnaire and statistics employed for data analysis comprised frequency, percentage, mean, standard deviation, and One –way ANOVA. 

The study revealed these results:

1. The good governance of the management of Sakon Nakhon sangha affairs, as a whole, was at the high level ( =4.03). Similarly, the effectiveness of managing Sakon Nakhon sangha affairs, as a whole, was also at the high level ( =3.88)

2. Employing the principles of good governance to manage the sangha affairs, it was found that these principles of good governance had significantly influenced on the effectiveness of managing Sakon Nakhon sangha affairs at .00 statistical level; participation (β=.295) and transparency (β=.255). In the meantime, the principle of accountability (β=.161) had significantly influenced on the effectiveness of managing Sakon Nakhon sangha affairs at .01 statistical level while the rule of laws (β=.110) had significantly influenced on the effectiveness of managing Sakon Nakhon sangha affairs at .05 statistical level. On the contrary, the principles of ethics and value of money did not influence on the effectiveness of managing Sakon Nakhon sangha affairs and they could be used to correctly predict the effectiveness of managing Sakon Nakhon sangha affairs 63.60%. 

3. Useful guidelines were obtained for developing the management of sangha affairs on the basis of good governance and for the effectiveness of managing Sakon Nakhon sangha affairs. In abidance by those of the National Office of Buddhism, strict orders and regulations concerning the temples’ religious assets should be established. Opportunities and positions to participate and administrate the sangha affairs in all levels should be given to competent, determined and qualified Buddhist monks. The government should provide educational funds or scholarships to the Buddhist monks and novices so that their education can be upgraded. The Buddhist monks should continuously develop themselves to be secularly and religiously well-informed. The temples should be promoted to be the centers for community development and for harmonizing the community. 
 

คำสำคัญ
ธรรมาภิบาล, ประสิทธิผล, การบริหารกิจการคณะสงฆ์
Keywords
Good governance, effectiveness, the management of sangha affairs
ไฟล์วิทยานิพนธ์
ลำดับที่ ดาวน์โหลดไฟล์ ขนาดไฟล์
1 fulltext 11,243.55 KB
วันที่นำเข้าข้อมูล
21 กรกฎาคม 2564 - 11:32:02
View 552 ครั้ง


^