ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (E-Thesis) SNRU

สืบค้นเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) จากฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (Thesis Database) ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

ชื่อวิทยานิพนธ์
การพัฒนาคู่มือจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบโครงงานร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมความร่วมมือ ความสามารถในการคิดแก้โจทย์ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
Development of Mathematics Learning Substance Group’s Activit Handbook by Using Project Based Learning and Cooperative to Enhance Cooperative Behavior, Problem Solving Ability and Learning Achievement of Prathom Suksa 5 Students
ผู้จัดทำ
ชนิกา ขันติยู รหัส 543BWe108 ระดับ ป.โท ภาคพิเศษ
หลักสูตร
ครุศาสตรมหาบัณฑิต (ค.ม.) สาขาวิชา การวิจัยและพัฒนาการศึกษา
ปี พ.ศ.
2558
ที่ปรึกษา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพลินพิศ ธรรมรัตน์, ดร.สมเกียรติ พละจิตต์
บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาคู่มือจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบโครงงานร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ ให้มีค่าดัชนีประสิทธิผลตามเกณฑ์มาตรฐานตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 2) เปรียบเทียบพฤติกรรมความร่วมมือ 3) เปรียบเทียบความสามารถในการคิดแก้โจทย์ปัญหา 4) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 5) เปรียบเทียบพฤติกรรมความร่วมมือ ความสามารถในการคิดแก้โจทย์ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างนักเรียนที่มีระดับความรับผิดชอบ สูง ปานกลาง และต่ำ เมื่อได้รับการสอนโดยใช้คู่มือจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบโครงงานร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านวังยาง (วังยางวิทยานุกูล) สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 35 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) คู่มือจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบโครงงานร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ 2) แบบวัดพฤติกรรมความร่วมมือ 3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดแก้โจทย์ปัญหา และ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติทดสอบที การวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วมพหุคูณแบบทางเดียว การวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วมแบบทางเดียว

ผลการวิจัยพบว่า

1. คู่มือจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบโครงงานร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.59 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้

2. นักเรียนที่ได้รับการเรียนรู้ด้วยคู่มือจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบโครงงานร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ มีพฤติกรรมความร่วมมือ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. นักเรียนที่ได้รับการเรียนรู้ด้วยคู่มือจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบโครงงานร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ มีความสามารถในการคิดแก้โจทย์ปัญหา หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. นักเรียนที่ได้รับการเรียนรู้ด้วยคู่มือจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบโครงงานร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

5. นักเรียนที่มีความรับผิดชอบแตกต่างกัน หลังได้รับการเรียนรู้ด้วยคู่มือจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้การเรียนรู้แบบโครงงานร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ มีพฤติกรรมความร่วมมือ ความสามารถในการคิดแก้โจทย์ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยที่นักเรียนที่มีความรับผิดชอบสูง มีพฤติกรรมความร่วมมือ ความสามารถในการคิดแก้โจทย์ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สูงกว่านักเรียนที่มีความรับผิดชอบปานกลางและต่ำ และนักเรียนที่มีความรับผิดชอบปานกลาง มีพฤติกรรมความร่วมมือ ความสามารถในการคิดแก้โจทย์ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สูงกว่านักเรียนที่มีความรับผิดชอบต่ำ

Abstract

This study was a quasi – experimental research conducted with the following purposes to : 1) to develop a handbook for organizing the activities in Mathematics Learning Substance Group by using Project Based Learning and  Cooperative Learning Techniques to contain an established effectiveness index,  2) to compare the students’ cooperative behaviors, 3) to compare the students’ problem solving abilities, 4) to compare the students’ learning achievements, and 5) to compare cooperative behaviors, problem solving abilities, and learning achievements of the students whose levels of responsibilities differed after they had been taught through a developed handbook for organizing the activities in Mathematics Learning Substance Group by using Project Based Learning and Cooperative Learning Techniques. The subjects were 35 Prathom Suksa 5 students who were studying in the first semester of 2015 at Ban Wangyang School (Wangyangwittayanukul) under the Office of  Sakon Nakhon  Primary Educational Service Area 1. The instruments used were composed of 1) a handbook for organizing the activities in Mathematics Learning Substance Group by using Project Based Learning and Cooperative Learning Techniques,  2) a form to examine the students’ cooperative behavior, 3) a test to measure the students’ problem solving ability, 4) an achievement test. The statistics used for data analysis were percentage, mean, standard deviation, t-test (Dependent Samples), One-way MANCOVA, and One-way ANCOVA.

The study revealed the following results:

1. The handbook for organizing the activities in Mathematics Learning Substance Group by using Project Based Learning and Cooperative Learning Techniques contained an established effectiveness index of 0.59 which was higher than the set criteria.

2. After the students had learnt through a handbook for organizing the activities in Mathematics Learning Substance Group by using Project Based Learning and Cooperative Learning Techniques, their cooperative behavior was significantly higher than that of before at .05 statistical level.

3. After the students had learnt through a handbook for organizing the activities in Mathematics Learning Substance Group by using Project Based Learning and Cooperative Learning Techniques, their problem solving ability was significantly higher than that of before at .05 statistical level.

4. After the students had learnt through a handbook for organizing the activities in Mathematics Learning Substance Group by using Project Based Learning and Cooperative Learning Techniques, their learning achievement was significantly higher than that of before at .05 statistical level.

5. After the student whose levels of responsibilities differed had learnt through a handbook for organizing the activities in Mathematics Learning Substance Group by using Project Based Learning and Cooperative Learning Techniques, their cooperative behaviors, problem solving abilities achievements were higher cooperative at .05 level of significance. Those with high responsibility had those with moderate and low responsibilities. Meanwhile, those with moderate responsibility had higher cooperative behavior, problem solving ability, and learning achievement than those with low responsibility.

คำสำคัญ
คู่มือจัดกิจกรรมการเรียนรู้, การเรียนรู้แบบโครงงาน, เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ, พฤติกรรมความร่วมมือ, ความสามารถในการคิดแก้โจทย์ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
Keywords
Activity Handbook, Project Based Learning, Cooperative Learning Technique, cooperative behavior, problem solving ability, and learning achievement
ไฟล์วิทยานิพนธ์
ลำดับที่ ดาวน์โหลดไฟล์ ขนาดไฟล์
1 หน้าปก 112.84 KB
2 ประกาศคุณูปการ 71.78 KB
3 บทคัดย่อ 136.77 KB
4 สารบัญ 216.78 KB
5 บทที่ 1 451.35 KB
6 บทที่ 2 2,057.12 KB
7 บทที่ 3 833.59 KB
8 บทที่ 4 500.21 KB
9 บทที่ 5 267.62 KB
10 บรรณานุกรม 488.76 KB
11 ภาคผนวก ก 1,971.78 KB
12 ภาคผนวก ข 1,343.13 KB
13 ภาคผนวก ค 468.76 KB
14 ภาคผนวก ง 735.23 KB
15 ประวัติย่อของผู้วิจัย 230.11 KB
วันที่นำเข้าข้อมูล
17 พฤษภาคม 2562 - 09:33:33
View 746 ครั้ง


^