การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเสริมสร้างความสามารถด้านการเขียนเชิงสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75  2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถด้านการเขียนเชิงสร้างสรรค์ ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และ  3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านปากอูน (ปากอูนผดุงวิทย์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 34 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (cluster random sampling) เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการเขียนเชิงสร้างสรรค์ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test) แบบ Dependent Samples

ผลการวิจัยพบว่า

1. การจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเสริมสร้างความสามารถด้านการเขียนเชิงสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 

มีประสิทธิภาพเท่ากับ 75.26/81.57 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 75/75 

2. ความสามารถด้านการเขียนเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียน หลังจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สูงกว่าก่อนจัดการเรียนรู้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ อยู่ในระดับมากที่สุด (X̅= 4.68, S.D. = 0.56)

The purposes of this research were : 1) to develop the creative activities to Enhance Creativity Writing Ability of Prathom Suksa 6 student to contain the efficiency of 75/75, 2) to com pare the students’ creative writing ability of prathom Suksa 6 students to contain the efficiency of 75/75, 2) compare the students’ creative writing abilities obtained before and after they had learnt through the creativity activities to enhance creative writing ability of Prathom Suksa 6, 3) to explore Phathom Suksa 6 students’ satisfaction of learning through the creativity activities to enhance creative writing ability of Prathom Suksa 6.

The subjects were 34 Prathom Suksa 6 students who were studying in the first semester of 2015 academic year at Ban Pakoon School (Pakoon Phadoongwit) under the jurisdiction of the Office of Nakhon Phanom Primary Educational Service Area 2. They were obtained through cluster random sampling. The instruments used for data collection included lesson plans, the test to measure the students’ creative writing ability, and a set of questionnaire to survey the students’ satisfaction of learning through the developed creativity activities to enhance creative writing ability. The statistics employed for data analysis and hypotheses testing were percentage, mean, standard deviation, and t-test (Dependent Samples).

The results were as follow:

1. The creativity activities to enhance creative writing ability for Prathom Suksa 6 students had their efficiency of 75.26/81.57 which was higher than the set criteria of 75/75.

2. After the students had learnt through the creativity activity to enhance creative writing ability of Prathom Suksa 6 students, their creative writing ability was statistically higher than that of before at .01 level of significance.

3. The students’ satisfaction of learning through the creativity activities to enhance creative writing ability was at the highest level. (X̅ = 4.68, S.D. = 0.56)