การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างความสามารถทางการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การสอนเขียนแบบเน้นกระบวนการร่วมกับผังความคิด ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เปรียบเทียบความสามารถทางการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การสอนเขียนแบบเน้นกระบวนการร่วมกับผังความคิด ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นและ 3) เปรียบเทียบเจตคติต่อวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านหนองไผ่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 17 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดความสามารถทางการเขียนภาษาอังกฤษ และแบบวัดเจตคติต่อวิชาภาษาอังกฤษ การดำเนินการวิจัยใช้รูปแบบ One Group Pre-test Post-test Design สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test ชนิด Dependent Samples) 

ผลการวิจัยพบว่า

1. ประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างความสามารถทางการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การสอนเขียนแบบเน้นกระบวนการร่วมกับผังความคิด มีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.86/76.47 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 75/75 ที่ตั้งไว้

2. ความสามารถทางการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การสอนเขียนแบบเน้นกระบวนการร่วมกับผังความคิด หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

3. เจตคติต่อวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

The purposes of this research were: 1) to develop the instructional activities to enhance English writing proficiency of Mathayomsuksa 3 students by using process writing and mind mapping technique to meet the efficiency of 75/75, 2) to compare the Mathayomsuksa 3 students’ English writing proficiency obtained before and after the intervention, and 3) to compare attitudes of Mathayomsuksa 3 students towards English subject. The samples, obtained through a cluster sampling technique, were 17 Mathayomsuksa 3 students studying in the first semester of the academic year 2015 at Ban Nong Phai School under the Office of Sakon Nakhon Primary Educational Service Area 2. The instruments consisted of lesson plans, an English writing proficiency test, and a questionnaire to survey the students’ attitudes toward English subject. The research adopted One Group Pretest – Posttest Design. The statistics employed for data analysis were percentage, mean, standard deviation, and t –test (Dependent Samples).

The study yielded these results:

1. The instructional activities to enhance English writing proficiency of Mathayomsuksa 3 by using process writing and mind mapping technique contained the efficiency of 81.86/76.47 which was higher than the set criteria of 75/75.

2. After the intervention, the students’ English writing proficiency was higher than before the intervention with a statistical significance level of .01.

3. After the intervention, the students’ attitudes towards English subject were higher than those of before the intervention with a statistical significance level of .01.