การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาองค์ประกอบของรูปแบบ, พัฒนารูปแบบ และตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อส่งเสริมพหุปัญญาของนักเรียนโรงเรียนเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การดำเนินการแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะ ที่ 1 การสร้างกรอบแนวคิดการวิจัย ประกอบด้วย การวิเคราะห์เอกสาร และงานวิจัย การศึกษาสถานศึกษาเอกชนดีเด่น จำนวน 4 แห่ง การประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 10 คน ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบ โดยสอบถามผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 17 คน ใช้เทคนิคเดลฟายแบบปรับปรุง และระยะที่ 3 การตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบ กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้อำนวยการและครู ที่รับผิดชอบงานวิชาการ โรงเรียนเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 18 จังหวัด  ที่จัดการศึกษาโรงเรียนในระบบ ระดับอนุบาลถึงประถมศึกษา หรือเปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษา ที่ได้รับการประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษาระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน รอบสอง จากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา โดยมีผลการประเมินในภาพรวมอยู่ในระดับดี และระดับดีมาก จำนวน 340 คน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย () และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ()

ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

1. รูปแบบการบริหารกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อส่งเสริมพหุปัญญาของนักเรียนโรงเรียนเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ คือ 1) ด้านปัจจัยเกื้อหนุน 2) ด้านกระบวนการ และ 3) ด้านผลผลิต

2. รูปแบบการบริหารกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อการส่งเสริมพหุปัญญาของนักเรียนโรงเรียนเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยรวมมีความเหมาะสมในระดับ มากที่สุด ( = 4.53,  = 0.48) เมื่อจัดลำดับความเหมาะสมขององค์ประกอบทั้ง 3 ดังนี้ ด้านกระบวนการ, ด้านผลผลิต, และด้านปัจจัยเกื้อหนุน ตามลำดับ

The objectives of this study were to study the components of a model, develop and examine the suitability of the author's administration activity model to promote multiple intelligences of private school students in the North-eastern region. The study was divided into three phases. The first phase was related to the research conceptual framework building, which consisted of document and research analysis, the investigation of four outstanding private schools, and a group meeting of ten experts. The second phase was related to the development of the model through the application of Modified Delphi Technique by consulting 17 experts. The third phase was the suitability examination of the author's developed model. The subjects were 340 directors and academic teachers from private schools in 18 provinces in the North-eastern region that provided formal education from pre-school to primary school level or from pre-school to secondary school level, and received an overall assessment in the “Good" and "Very Good" level in the second round of external quality assessment of schools from the Office for National Education Standards and Quality Assessment., The tool used in data collection was a 5-level rating scale questionnaire. Percentage, mean () and standard deviation () were used in data analysis.

The study could be concluded as follows.

1. The author's administrative activity model to promote multiple intelligences of private school students in the North-eastern region comprised three components, which were 1) Input; 2) process; and 3) output.

2. The overall suitability of the author's administrative activity model to promote multiple intelligences of private school students in the North-eastern region was at the highest level ( = 4.53, = 0.48). The suitability of the aforementioned three components could be prioritized as follows: process, output and input consecutively.