การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับการใช้สมองเป็นฐานที่ส่งผลต่อการคิดวิเคราะห์ ความสามารถในการให้เหตุผลและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ให้มีดัชนีประสิทธิผลตามเกณฑ์ร้อยละ 50 ขึ้นไป 2) เพื่อเปรียบเทียบการคิดวิเคราะห์ ความสามารถในการให้เหตุผล และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่เรียนด้วยคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับการใช้สมองเป็นฐาน วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างหลังเรียนและก่อนเรียน และ 3) เพื่อเปรียบเทียบการคิดวิเคราะห์ ความสามารถในการให้เหตุผล และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่มีความฉลาดทางอารมณ์ สูง ปานกลาง และต่ำ ที่เรียนด้วยคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับการใช้สมองเป็นฐาน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ประชากรในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 ของศูนย์อำนวยการเครือข่ายนาแก้วบ้านแป้น จำนวน 11 โรงเรียน จำนวน 289 คน กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนบ้านนาเดื่อ ศูนย์อำนวยการเครือข่ายนาแก้วบ้านแป้น จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 19 คน ซึ่งได้มาจากเทคนิคการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling)โดยใช้โรงเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 5 ชนิด ได้แก่ 1) คู่มือการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับการใช้สมองเป็นฐาน
2) แบบทดสอบวัดการคิดวิเคราะห์ 3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการให้เหตุผล 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 5) แบบสอบถามความฉลาดทางอารมณ์ของกรมสุขภาพจิต สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติทดสอบที (t-test แบบ Dependent Samples) ค่าประสิทธิผล (E.I.)
การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) การวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วมทางเดียว (One-way ANCOVA) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนพหุคูณร่วมแบบทางเดียว (One–way MANCOVA)

ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

1. ดัชนีประสิทธิผลคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ร่วมกับการใช้สมองเป็นฐาน วิชาคณิตศาสตร์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ส่งผลต่อการคิดวิเคราะห์ ความสามารถในการให้เหตุผล และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีค่าร้อยละ 56.42, 57.53 และ 66.43 ตามลำดับ และค่าดัชนีประสิทธิผลรวมเท่ากับ ร้อยละ 60.13 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้

2. การคิดวิเคราะห์ของนักเรียนที่เรียนด้วยคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับการใช้สมองเป็นฐาน วิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. ความสามารถในการให้เหตุผลของนักเรียนที่เรียนด้วย คู่มือการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับการใช้สมองเป็นฐาน วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับการใช้สมองเป็นฐาน วิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

5. การคิดวิเคราะห์  ความสามารถในการให้เหตุผล และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนที่มีความฉลาดทางอารมณ์ สูง ปานกลาง และต่ำ ที่เรียนด้วยคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับการใช้สมองเป็นฐาน วิชาคณิตศาสตร์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

The purposes of this study included the following: 1) to develop the instructional management manual using Constructivist Theory and Brain Based Technique to enhance students’ critical thoughts, rationality, and learning achievements to contain an effectiveness index more than 50 percent, 2) to compare Prathom Suksa 6 students’ critical thoughts, rationality, and learning achievements gained before and after they had learnt mathematics through the developed instructional management manual using Constructivist Theory and Brain Based Technique, 3) to compare the critical thoughts, rationality, and learning achievements of Prathom Suksa 6 students whose emotional intelligences differed after they had learnt mathematics through the developed instructional management manual using Constructivist Theory and Brain Based Technique. The population consisted of 289 Prathom Suksa 6 students. They were studying in the second semester of 2016 academic year at 11 schools of Nakaew-Ban Paen Directorate Network Center. The subjects were 19 students of Ban Nadue School. They were obtained by cluster random sampling. The instruments comprised 1) the instructional management manual using Constructivist Theory and Brain Based Technique, 2) The test to examine the students’ critical thoughts, 3) the test to evaluate the students’ rationality, 4) learning achievement test, and 5) Mental Health Department’s Emotional Intelligence Test. The statistics adopted for data analysis were percentage, standard deviation, t-test (Dependent samples), effectiveness index, One-way ANOVA, One-way ANCOVA, and One-way MANCOVA.

The study unveiled the following results:

1. The developed instructional management manual using Constructivist Theory and Brain Based Technique had the effects on the students’ critical thoughts 56.42 percent, rationality 57.53 percent, and learning achievements 66.43 percent respectively. In total, the effectiveness index was 60.13 percent which was higher than the established effectiveness index.

2. After the students had learnt through the developed instructional management manual using Constructivist Theory and Brain Based Technique, their critical thoughts were significantly higher than those of before at .05 statistical level.

3. After the students had learnt through the developed instructional management manual using Constructivist Theory and Brain Based Technique, Their rationality was significantly higher than that of before at .05 statistical level.

4. After the students had learnt through the developed instructional management manual using Constructivist Theory and Brain Based Technique, their learning achievements were significantly higher than those of before at .05 statistical level.

5. After they had learnt mathematics through the developed instructional management manual using Constructivist Theory and Brain Based Technique, the critical thoughts, rationality, and learning achievements of Prathom Suksa 6 students whose emotional intelligences differed (high, moderate, low) were significantly different at .05 statistical level.