การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อสร้างเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 2) เปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างก่อนและหลังการฝึกอบรม 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างก่อนและหลังการฝึกอบรม และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อสร้างเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ 

การดำเนินการวิจัย แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 การศึกษา และวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน ระยะที่ 2 การสร้างหลักสูตรฝึกอบรม ระยะที่ 3 การทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรม ระยะที่ 4 การปรับปรุงหลักสูตรฝึกอบรม กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านขาม อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 35 คน ได้มาโดยการเจาะจง (Purposive Sampling) สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละค่าเฉลี่ย () ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าสถิติทดสอบที (t-test for dependent samples)

ผลการวิจัยพบว่า

1. การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อสร้างเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5  มี 4 องค์ประกอบหลัก คือ 1) วัตถุ ประสงค์ของหลักสูตร 2) เนื้อหาสาระของหลักสูตร 3) กิจกรรมการฝึกอบรม 4) การวัดและประเมินผล

2. ความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังฝึกอบรมสูงกว่าก่อนฝึกอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังฝึกอบรมสูงกว่าก่อนฝึกอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อสร้างเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ อยู่ในระดับมากที่สุด

This study aimed to 1) develop a training curriculum on mathematical creativity enhancement for primary 5 students, 2) draw a comparison between the mathematical creativity of primary 5 students before and after training, 3) draw a comparison between mathematical learning achievement of primary 5 students before and after training, and 4) study the satisfaction of primary 5 students towards the developed training curriculum on mathematical creativity enhancement.

There were 4 phases in this study, which comprised of phase 1: the study and analysis of basic information, phase 2: training curriculum building, phase 3, the implementation of the developed curriculum, and phase 4: the improvement of the developed training curriculum. Sample group consisted of 35 primary 5 students in Baan Kham School, Wanon Niwat District, Sakon Nakhon, under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 3, selected by purposive sampling. Statistics used in the study were percentage, mean, standard deviation and t-test for dependent samples.

The results were as follows.

1. The developed training curriculum on mathematical creativity enhancement for primary 5 students comprises 4 main components, which were 1) curriculum objectives, 2) curriculum contents, 3) training activities, and 4) measurement and evaluation.

2. Primary 5 students’ mathematical creativity after training was higher than that before training at the .01 level of statistical significance.

3. Primary 5 students’ mathematical learning achievement after training was higher than that before training at the .01 level of statistical significance.

4. Primary 5 students’ satisfaction towards the developed training curriculum on mathematical creativity enhancement was at the highest level.