การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาระดับภาวะผู้นำของผู้บริหารและประสิทธิผลการบริหารงานโรงเรียนมัธยมศึกษา สำนักงานศึกษาธิการภาค 11 2) เปรียบเทียบภาวะผู้นำของผู้บริหารและประสิทธิผลการบริหารงานโรงเรียนมัธยมศึกษา ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอน จำแนกตาม สถานภาพการดำรงตำแหน่ง ขนาดโรงเรียน และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน 3) ศึกษาความสัมพันธ์ของภาวะผู้นำของผู้บริหารที่มีผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานโรงเรียนมัธยมศึกษา 4) ศึกษาอำนาจพยากรณ์ของภาวะผู้นำของผู้บริหารที่มีผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานโรงเรียนมัธยมศึกษา และ 5) หาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานโรงเรียนมัธยมศึกษา  

กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอน สังกัดสำนักงานศึกษาธิการ ภาค 11 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 360 คน จำแนกเป็นกลุ่มผู้บริหารโรงเรียนจำนวน 122 คน และครูผู้สอน จำนวน 238 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับภาวะผู้นำของผู้บริหารและประสิทธิผลการบริหารงานโรงเรียนมัธยมศึกษา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบที (t-test) ชนิด Independent Samples สถิติทดสอบเอฟ (F-test) แบบการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOWA) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน (Pearson Product-Moment Correlation Coefficient) และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแต่ละขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression analysis)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ภาวะผู้นำของผู้บริหารและประสิทธิผลการบริหารงานโรงเรียนมัธยมศึกษา โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก

2. ภาวะผู้นำของผู้บริหารและประสิทธิผลการบริหารงานโรงเรียนมัธยมศึกษา จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง โดยรวมและรายด้าน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

3. ภาวะผู้นำของผู้บริหารและประสิทธิผลการบริหารงานโรงเรียนมัธยมศึกษา จำแนกตามขนาดโรงเรียน โดยรวมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. ภาวะผู้นำของผู้บริหารโรงเรียน จำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน โดยรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนประสิทธิผลการบริหารงานโรงเรียนมัธยมศึกษา โดยรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

5. ภาวะผู้นำของผู้บริหารกับประสิทธิผลการบริหารงานโรงเรียนมัธยมศึกษา โดยรวมพบว่า มีความสัมพันธ์ทางบวก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

6. ภาวะผู้นำของผู้บริหาร จำนวน 5 ด้าน ที่สามารถพยากรณ์ประสิทธิผลการบริหารงานโรงเรียนมัธยมศึกษา โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ได้แก่ ภาวะผู้นำแบบมีส่วนร่วม (X₃) ภาวะผู้นำแบบเปลี่ยนแปลง (X₂) ภาวะผู้นำแบบสนับสนุน (X₆) ภาวะผู้นำแบบสั่งการ (X₅) และภาวะผู้นำแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ (X₄)

สามารถเขียนสมการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ในรูปคะแนนดิบ ได้ดังนี้

Y’ = 2.187 + 0.388 X₃ - 0.250 X₂ + 0.396 X₆ + 0.320 X₅ – 0.333 X₄

และสามารถเขียนสมการวิเคราะห์การถดถอยในรูปคะแนนมาตรฐาน ได้ดังนี้

Z’ = 0.429 Z_X3 - 0.288 Z_X2 + 0.507 Z_X6 + 0.349 Z_X5 – 0.374 Z_X4

7. แนวทางการพัฒนาปัจจัยทางการบริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษา เสนอแนะไว้ 5 ด้าน ประกอบด้วย ภาวะผู้นำแบบเปลี่ยนแปลง ภาวะผู้นำแบบสั่งการ ภาวะผู้นำแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ ภาวะผู้นำแบบมีส่วนร่วม และภาวะผู้นำแบบสนับสนุน

The purposes of this research were: 1) to examine the level of leadership of administrators and effectiveness of secondary school under the regional education office no.11 ; 2) to compare leadership of administrators and effectiveness of secondary school as perceived by school administrators and teachers with different working position, school sizes, and work experience; 3) to investigate the relationship between the leadership of administrators and effectiveness of secondary school; 4) to study the predictive power of the of leadership of administrators affecting the effectiveness of secondary school; 5) and to establish the guidelines for developing leadership of administrators affecting the effectiveness of secondary school. The samples consisted of a total of 360 participants including 122 school administrators and 238 teachers in schools under the regional education office no.11 in the 2017 academic year. The instrument for data collection was a set of questionnaires concerning school leadership of administrators and effectiveness of secondary school. The statistics used foe data analysis were mean, standard deviation, t – test (Independent Samples), F – test (One – Way ANOVA), Pearson Product-Moment Correlation Coefficient and Stepwise Multiple Regression Analysis.

The findings were as follows:

1. The leadership of administrators and effectiveness of secondary school, as a whole and each aspect were at a high level.

2. The leadership of administrators and effectiveness of secondary school as perceived by school administrators and teachers with different working position as a whole were different at a statistical significance of the .01 level.

3. The leadership of administrators and effectiveness of secondary school as perceived by school administrators and teachers with different school sizes as a whole were different at a statistical significance of the .01 level.

4. The leadership of administrators as perceived by school administrators and teachers with different school sizes and work experience, as a whole were different at a statistical significance of the .05 level. And effectiveness of secondary school as a whole were different at a statistical significance of the .01 level.

5. The leadership of administrators and effectiveness of secondary school, as a whole had a positive relationship at the statistical significance of the .01 level.

6. The leadership of administrators comprised five aspects which were able to predict the effectiveness of secondary school at the statistical significance of the .01 level. The said factors comprised three factors: participative leadership (X₃) transformation leadership (X₂) supportive leadership (X₆) directive leadership (X₅) and Achievement leadership (X₄).

The equation could be summarized in raw scores as follows;  

Y’ = 2.187 + 0.388 X₃ - 0.250 X₂ + 0.396 X₆ + 0.320 X₅ – 0.333 X₄

And the predictive equation standardized scores was

Z’ = 0.429 Z_X3 - 0.288 Z_X2 + 0.507 Z_X6 + 0.349 Z_X5 – 0.374 Z_X4

7. The guidelines for developing the leadership of administrators affecting the effectiveness of secondary school involved five aspects: participative leadership, transformation leadership, supportive leadership, directive leadership and Achievement leadership.