สืบค้นเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) จากฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (Thesis Database) ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาระดับปัจจัยทางการบริหาร และประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 20 เปรียบเทียบปัจจัยทางการบริหาร และประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียน ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอน จำแนกตาม สถานภาพการดำรงตำแหน่ง ขนาดโรงเรียน และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน ศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยทางการบริหารและประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียน ศึกษาอำนาจพยากรณ์ของปัจจัยทางการบริหารที่มีผลต่อประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียน และหาแนวทางการพัฒนาปัจจัยทางการบริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 20 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 358 คน จำแนกเป็นผู้บริหารโรงเรียนจำนวน 105 คน และครูผู้สอน จำนวน 253 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยทางการบริหารของโรงเรียน และประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที (t-test) ชนิด Independent Samples การทดสอบเอฟ (F-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน (Pearson Product - Moment Correlation Coefficient) และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแต่ละขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ปัจจัยทางการบริหารของโรงเรียน โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก
2. ประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียน โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก
3. ปัจจัยทางการบริหารของโรงเรียน ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอน จำแนกตาม สถานภาพการดำรงตำแหน่ง ขนาดโรงเรียน และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียน ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอน จำแนกตาม สถานภาพการดำรงตำแหน่ง ขนาดโรงเรียน และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
5. ปัจจัยทางการบริหารของโรงเรียน กับประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียน โดยรวมพบว่า มีความสัมพันธ์ทางบวก อยู่ในระดับค่อนข้างสูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
6. ปัจจัยทางการบริหารของโรงเรียน จำนวน 4 ด้าน ที่สามารถพยากรณ์ประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียน ได้ โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จำนวน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการ (X8) ด้านทรัพยากรการเรียนการสอน (X10) ด้านภาวะผู้นำ (X1) และมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำนวน 1 ด้าน คือ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (X7)
สามารถเขียนสมการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณในรูปคะแนนดิบได้ดังนี้
Y’ = 0.866 + 0.324 X8 + 0.198 X10 + 0.164 X1 + 0.084 X7
และสามารถเขียนสมการวิเคราะห์การถดถอยในรูปคะแนนมาตรฐานได้ดังนี้
Z’ = 0.415 ZX8 + 0.260 ZX10 + 0.200 ZX1 + 0.110 ZX7
ในการพยากรณ์ประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียนรายด้านพบว่ายังมีปัจจัยทางการบริหารของโรงเรียน ด้านโครงสร้างองค์การ (X6) ที่สามารถพยากรณ์ประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียน ด้านคุณลักษณะของผู้เรียน (Y2) ได้ และด้านการพัฒนาบุคลากร (X2) ที่สามารถพยากรณ์ประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียน ด้านความพึงพอใจของครู (Y3) ได้
7. แนวทางการพัฒนาปัจจัยทางการบริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการจัดการศึกษาของโรงเรียน เสนอแนะไว้ 6 ด้าน ประกอบด้วย ด้านภาวะผู้นำ ด้านการพัฒนาบุคลากร ด้านโครงสร้างองค์การ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการบริหารจัดการ และด้านทรัพยากรการเรียนการสอน
The purposes of this research were: to examine the level of administrative factors and effectiveness of education management of schools under the Office of Secondary Education Service Area 20; to compare administrative factors and effectiveness of school education management as perceived by school administrators and teachers with different working position, school sizes, and work experience; to investigate the relationship between the administrative factors and effectiveness of school education management; to study the predictive power of the administrative factors affecting the effectiveness of school education management; and to establish the guidelines for developing administrative factors affecting the effectiveness of school education management. The samples consisted of a total of 358 participants including 105 school administrators and 253 teachers in schools under the Office of Secondary Education Service Area 20 in the 2017 academic year. The instrument for data collection was a set of questionnaires concerning school administrative factors and school education management. The statistics used foe data analysis were mean, standard deviation, t – test (Independent Samples), F – test (One – Way ANOVA), Pearson Product-Moment Correlation Coefficient and Stepwise Multiple Regression Analysis.
The findings were as follows:
1. The school administrative factors, as a whole and each aspect were at a high level.
2. The effectiveness of school education management, as a whole and each aspect were at a high level.
3. The school administrative factors as perceived by school administrators and teachers with different working position, school sizes and work experience, as a whole were different at a statistical significance of the .01 level.
4. The effectiveness of school education management as perceived by school administrators and teachers with different working position, school sizes and work experience, as a whole were different at a statistical significance of the .01 level.
5. The school administrative factors and the effectiveness of school education management, as a whole had a positive relationship at the statistical significance of the .01 level.
6. The school administrative factors comprised four aspects which were able to predict the effectiveness of school education management at the statistical significance of the .01 level. The said factors comprised three factors: management (X8), teaching resources (X10), and leadership (X1). The factor which was at the statistical significance of the .05 level was information technology (X7).
The equation could be summarized in raw scores as follows;
Y’ = 0.866 + 0.324 X8 + 0.198 X10 + 0.164 X1 + 0.084 X7
And the predictive equation standardized scores was
Z’ = 0.415 ZX8 + 0.260 ZX10 + 0.200 ZX1 + 0.110 ZX7
The prediction of the effectiveness of school education management in each aspect revealed that the school administrative factor in terms of organization structure (X6) was able to predict the effectiveness of school education management concerning the student characteristics (Y2). In addition, the personnel development (X2) was able to predict the effectiveness of school education management concerning the teacher satisfaction (Y3).
7. The guidelines for developing the administrative factors affecting the effectiveness of school education management involved six aspects: leadership, personnel development, organization structure, information technology, administrative management, and teaching and learning resources.
ลำดับที่ | ดาวน์โหลดไฟล์ | ขนาดไฟล์ |
1 | หน้าปก | 136.51 KB |
2 | ใบรับรองวิทยานิพนธ์ | 380.69 KB |
3 | ประกาศคุณูปการ | 114.87 KB |
4 | บทคัดย่อ | 173.39 KB |
5 | สารบัญ | 310.95 KB |
6 | บทที่ 1 | 349.15 KB |
7 | บทที่ 2 | 1,261.50 KB |
8 | บทที่ 3 | 638.23 KB |
9 | บทที่ 4 | 1,567.55 KB |
10 | บทที่ 5 | 646.54 KB |
11 | บรรณานุกรม | 285.10 KB |
12 | ภาคผนวก ก | 176.97 KB |
13 | ภาคผนวก ข | 5,860.50 KB |
14 | ภาคผนวก ค | 546.71 KB |
15 | ภาคผนวก ง | 396.14 KB |
16 | ภาคผนวก จ | 207.26 KB |
17 | ภาคผนวก ฉ | 164.11 KB |
18 | ภาคผนวก ช | 149.59 KB |
19 | ภาคผนวก ซ | 611.13 KB |
20 | ประวัติย่อของผู้วิจัย | 132.23 KB |