สืบค้นเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) จากฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (Thesis Database) ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการอ่านการเขียนแบบแจกลูกสะกดคำ 2) เปรียบเทียบทักษะการอ่านและการเขียน 3) เปรียบเทียบการคิดวิเคราะห์ 4) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน หลังได้รับการสอนโดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการอ่านการเขียนแบบแจกลูกสะกดคำระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน และ 5) เปรียบเทียบทักษะการอ่านและการเขียน การคิดวิเคราะห์ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียน ที่มีความใฝ่เรียนรู้แตกต่างกัน (สูง ปานกลาง และต่ำ) เมื่อได้รับการสอนด้วยแบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการอ่านการเขียนแบบแจกลูกสะกดคำ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนอนุบาลนาแกผดุงราชกิจเจริญ จังหวัดนครพนม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนมเขต 1 จำนวน 26 คน ที่กำลังเรียนอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการอ่านการเขียนแบบแจกลูกสะกดคำ 2) แบบทดสอบวัดทักษะการอ่านและการเขียน 3) แบบทดสอบวัดการคิดวิเคราะห์ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 5) แบบวัดความใฝ่เรียนรู้ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.) สถิติทดสอบค่าที (t – test Dependent Samples) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One - way ANOVA) การวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วมพหุคูณทางเดียว (One – way MANCOVA) และวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วมทางเดียว (One - way ANCOVA)
ผลการวิจัย พบว่า
1. แบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการอ่านการเขียนแบบแจกลูกสะกดคำ มีค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.59 แสดงว่า ผู้เรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนคิดเป็นร้อยละ 59 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ทักษะการอ่านและการเขียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการอ่านการเขียนแบบแจกลูกสะกดคำ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. การคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการอ่านการเขียนแบบแจกลูกสะกดคำ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการอ่านการเขียนแบบแจกลูกสะกดคำ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
5. ทักษะการอ่านและการเขียน การคิดวิเคราะห์ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่มีความใฝ่เรียนรู้แตกต่างกัน (สูง ปานกลาง และต่ำ) หลังได้รับการสอนด้วยแบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการอ่านการเขียนแบบแจกลูกสะกดคำ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
The purposes of this study consisted of the following: 1) to investigate the effectiveness index of the exercises for training Thai skills using the cooperative learning technique of CIRC and reading/writing spelling technique, 2) to compare the students’ reading/writing skills, 3) to compare the students’ analytical thoughts, 4) to compare the students’ learning achievements possessed before and after learning through the cooperative learning technique of CIRC and reading/writing spelling technique, and 5) to compare reading/writing skills, analytical thoughts and learning achievements of the students whose learning aspirations differed (high, moderate, and low) after they had been taught through the cooperative learning technique of CIRC and reading/writing spelling technique. The subjects were 26 Prathom Suksa 1 students who were studying in the second semester of 2018 academic year at Anuban Nakae Padungratchakit charoen School under the Office of Nakhon Phanom Primary Educational Service Area 1, Nakhon Phanom Province. They were obtained by cluster random sampling technique. The classrooms were used as the sampling unit. The instruments employed included 1) exercises for training Thai skills using the cooperative learning technique of CIRC and reading/writing spelling technique, 2) the test to examine the students’ reading/writing skills, 3) the test to examine the students’ analytical thought, 4) the test to examine the students’ learning achievement, and 5) the test to measure the students’ learning aspiration. The statistics used for data analysis comprised mean, standard deviation, effectiveness index. (E.I.), t – test (Dependent Samples), One – way ANOVA, One – way MANCOVA, and One – way ANCOVA.
The study revealed these results:
1. The effectiveness index of the exercises for training Thai skills using the cooperative learning technique of CIRC and reading/writing spelling technique was 0.59. This result demonstrated the students’ learning progress of 59% which was higher than the established criteria.
2. After learning through the exercises for training Thai skills using the cooperative learning technique of CIRC and reading/writing spelling technique, the students’ reading/writing skills were significantly higher than those of before at .05 statistical level.
3. After learning through the exercises for training Thai skills using the cooperative learning technique of CIRC and reading/writing spelling technique, the students’ analytical thought was significantly higher than that of before at .05 statistical level.
4. After learning through the exercises for training Thai skills using the cooperative learning technique of CIRC and reading/writing spelling technique, the students’ learning achievement was significantly higher than that of before at .05 statistical level.
5. After learning through the exercises for training Thai skills using the cooperative learning technique of CIRC and reading/writing spelling technique, it was found that the reading/writing skills, analytical thoughts and learning achievements of the students whose learning aspirations differed (high, moderate, and low) were significantly different at .05 statistical levels.
ลำดับที่ | ดาวน์โหลดไฟล์ | ขนาดไฟล์ |
1 | หน้าปก | 106.09 KB |
2 | ใบรับรองวิทยานิพนธ์ | 273.58 KB |
3 | ประกาศคุณูปการ | 245.52 KB |
4 | บทคัดย่อ | 129.67 KB |
5 | สารบัญ | 421.09 KB |
6 | บทที่ 1 | 342.57 KB |
7 | บทที่ 2 | 1,517.12 KB |
8 | บทที่ 3 | 824.30 KB |
9 | บทที่ 4 | 579.72 KB |
10 | บทที่ 5 | 198.91 KB |
11 | บรรณานุกรม | 459.35 KB |
12 | ภาคผนวก ก | 1,733.35 KB |
13 | ภาคผนวก ข | 12,178.57 KB |
14 | ภาคผนวก ค | 823.69 KB |
15 | ภาคผนวก ง | 726.96 KB |
16 | ภาคผนวก จ | 1,335.13 KB |
17 | ประวัติย่อของผู้วิจัย | 260.46 KB |