การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย เพื่อพัฒนาและตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบการพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ ตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 การดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 การพัฒนารูปแบบ โดยการวิเคราะห์เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 คน ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลคือแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง ระยะที่ 2 การตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบ กลุ่มตัวอย่าง คือ ครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 135 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลคือแบบสอบถามแบบชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับมีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.66-0.89 และค่าความเชื่อมั่น 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัยพบว่า

1. รูปแบบการพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ ตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 มีองค์ประกอบของรูปแบบอยู่ 5 ด้าน คือ 1) ด้านองค์ประกอบของความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร 2) ด้านขั้นตอนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ ตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร 3) ด้านเทคนิค/วิธีการพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ ตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร 4) ด้านกระบวนการพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ ตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร 5) ด้านคุณภาพของผู้เรียนด้านทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ

2. รูปแบบการพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ ตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 มีความเหมาะสมของรูปแบบโดยรวมอยู่ในระดับมาก และรายด้านอยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ด้านกระบวนการพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ ตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร ด้านองค์ประกอบของความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร ด้านคุณภาพของผู้เรียนด้านทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ

The objectives of this research were development and suitability check of the model of listening and speaking English skills development by communicative approach for grade 3 students in Nakhon Phanom Primary Education Service Area Office 2. The research conduction consisted of two: Phase 1: the development of the model by analyzing relevant documents and research and structured interview of 3 experts chosen by purposive sampling and Phase 2: suitability check of the model. Research samples were 135 grade 3 English teachers in Nakhon Phanom Primary Education Service Area Office 2 in academic year 2016. The samples were selected by multi-stage random sampling. The instrument for data collection was 5-point rating scale questionnaire that provided discrimination between 0.66 and 0.69 and reliability of 0.89. The collected data were analyzed using percentage, mean and standard deviation.

The finding revealed that:

1. The model of listening and speaking English skills development by Communicative Approach for grade 3 students in Nakhon Phanom Primary Education Service Area Office 2 consisted of 5 parts, which were 1) the elements of communicative competence, 2) the teaching stages for listening and speaking English skills development by Communicative Approach, 3) the techniques/methods for listening and speaking English skills development by Communicative Approach, 4) the process for listening and speaking English skills development by Communicative Approach, and 5) the learners’ quality in listening and speaking English skills.

2. The suitability of the model of listening and speaking English skills development by Communicative Approach for grade 3 students in Nakhon Phanom Primary Education Service Area Office 2 were at high level, ranging from three highest levels; namely, the process for listening and speaking English skills development by Communicative Approach, the element of communicative competence. And the learners’ quality in listening and speaking English skills.