สืบค้นเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) จากฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (Thesis Database) ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาคู่มือการจัดประสบการณ์แบบร่วมมือร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐานของเด็กปฐมวัย ที่มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานดัชนีประสิทธิผล 2) เปรียบเทียบทักษะการคิดแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย ที่ได้รับการจัดประสบการณ์โดยใช้คู่มือการจัดประสบการณ์แบบร่วมมือร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน ระหว่างก่อนการจัดประสบการณ์และหลังการจัดประสบการณ์ 3) เปรียบเทียบพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ที่ได้รับการจัดประสบการณ์โดยใช้คู่มือการจัดประสบการณ์แบบร่วมมือร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน ระหว่างก่อนการจัดประสบการณ์และหลังการจัดประสบการณ์ 4) เปรียบเทียบพฤติกรรมการช่วยเหลือของเด็กปฐมวัย ที่ได้รับการจัดประสบการณ์โดยใช้คู่มือการจัดประสบการณ์แบบร่วมมือร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน ระหว่างก่อนการจัดประสบการณ์และหลังการจัดประสบการณ์ และ5) เปรียบเทียบทักษะการคิดแก้ปัญหา พัฒนาการ และพฤติกรรมการช่วยเหลือของเด็กปฐมวัย ซึ่งมีความฉลาดทางอารมณ์ต่างกัน (สูง ปานกลาง และต่ำ) ที่ได้รับการจัดประสบการณ์โดยใช้คู่มือการจัดประสบการณ์แบบร่วมมือร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐานกลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กปฐมวัยทั้งชาย-หญิง อายุระหว่าง 5-6 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนบ้านสีสุกห้วยโมง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 36 คน ซึ่งได้มาด้วยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) คู่มือการจัดประสบการณ์แบบร่วมมือร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน 2) แบบประเมินทักษะการคิดแก้ปัญหา 3) แบบสังเกตพัฒนาการ 4) แบบสังเกตพฤติกรรมการช่วยเหลือ และ 5) แบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติดัชนีประสิทธิผล (The Effectiveness Index : E.I.) ทดสอบค่าที (t–test for Dependent Samples) การวิเคราะห์ความแปรปรวนพหุคูณร่วมทางเดียว (One –way MANCOVA) ความแปรปรวนทางเดียว (One–way ANOVA) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วมทางเดียว (One–way ANCOVA)
ผลการวิจัยพบว่า
1. คู่มือการจัดประสบการณ์แบบร่วมมือร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐานของเด็กปฐมวัย มีค่าดัชนีประสิทธิผล (The Effectiveness Index : E.I.) ที่ส่งผลต่อ ทักษะการคิดแก้ปัญหา พัฒนาการ และพฤติกรรมการช่วยเหลือ คิดเป็นร้อยละ 75, 70 และ 74 ตามลำดับ มีค่าดัชนีประสิทธิผลรวมร้อยละ 73 ซึ่งมีคุณภาพผ่านเกณฑ์มาตรฐานดัชนีประสิทธิผลที่กำหนดไว้ตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป
2. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์โดยใช้คู่มือการจัดประสบการณ์แบบร่วมมือร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน มีทักษะการคิดแก้ปัญหา หลังได้รับการจัดประสบการณ์สูงกว่าก่อนได้รับการจัดประสบการณ์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05
3. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์โดยใช้คู่มือการจัดประสบการณ์แบบร่วมมือร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน มีพัฒนาการ หลังได้รับการจัดประสบการณ์สูงกว่าก่อนได้รับการจัดประสบการณ์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์โดยใช้คู่มือการจัดประสบการณ์แบบร่วมมือร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน มีพฤติกรรมการช่วยเหลือ หลังได้รับการจัดประสบการณ์สูงกว่าก่อนได้รับการจัดประสบการณ์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
5. เด็กปฐมวัย มีความฉลาดทางอารมณ์ที่แตกต่างกัน เมื่อได้รับการจัดประสบการณ์โดยใช้คู่มือการจัดประสบการณ์แบบร่วมมือร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน มีทักษะการคิดแก้ปัญหา พัฒนาการ และพฤติกรรมการช่วยเหลือ แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
The purposes of this study were to 1) develop the Cooperative Learning and Problem-Based Learning Manual of the Preschool children with good quality by the criterion standard of the effectiveness index, 2) compare thinking skills in problem solution of the preschool children before and after being taught by the Cooperative Learning and Problem-Based Learning Manual, 3) compare learning development of the preschool children before and after being taught by the Cooperative Learning and Problem-Based Learning Manual, 4) compare helping behavior the Cooperative Learning and Problem-Based Learning Manual of the preschool children before and after being taught by the Cooperative Learning and Problem-Based Learning Manual, and 5) compare thinking skills in problem solution, learning development, and helping behavior of the preschool children who have emotional quotient difference (high, moderate, and low) which have being taught by the Cooperative Learning and Problem-Based Learning Manual. The samples consisted of 36 boys and girls aged 5-6 years old in Kindergarten 2 in the second semester of 2016 academic year selected by Cluster Random Sampling techniques at Ban Seesuk Huaymong School under Sakonnakhon Primary Educational Service Area Office 2. The research instruments were composed of: 1) the Cooperative Learning and Problem-Based Learning Manual, 2) thinking skills in problem solution evaluated form, 3) learning development observational form, 4) helping behavior observational form, and 5) an interview form. The collected data were analyzed using mean, standard deviation, t–test (Dependent Samples), One-Way MANCOVA, One-Way ANCOVA and One-Way ANCOVA.
The findings of this study were as follows:
1. The Effectiveness Index of the Cooperative Learning and Problem-Based Learning Manual affected to the thinking skills in problem solution, the learning development and the helping behavior equaled 75, 70 and 74, respectively. The total percentage of the Effectiveness Index equaled 73 passed the standard of effectiveness index.
2. The preschool children learned by the using of the Cooperative Learning and Problem-Based Learning Manual, the thinking skills in problem solution after studying was higher than before studying statistically significant at 0.05 level.
3. The preschool children learned by the using of the Cooperative Learning and Problem-Based Learning Manual, the learning development after studying was higher than before studying statistically significant at 0.05 level.
4. The preschool children learned by the using of the Cooperative Learning and Problem-Based Learning Manual, the helping behavior after studying higher than before studying was statistically significant at 0.05 level.
5. The preschool children who were different in emotion quotient and learned by the using of the Cooperative Learning and Problem-Based Learning Manual, the thinking skills in problem solution, the learning development and the helping behavior were different statistically significant at 0.05 level.
ลำดับที่ | ดาวน์โหลดไฟล์ | ขนาดไฟล์ |
1 | หน้าปก | 72.53 KB |
2 | ประกาศคุณูปการ | 50.16 KB |
3 | บทคัดย่อ | 84.57 KB |
4 | สารบัญ | 122.47 KB |
5 | บทที่ 1 | 260.84 KB |
6 | บทที่ 2 | 1,081.18 KB |
7 | บทที่ 3 | 351.75 KB |
8 | บทที่ 4 | 216.71 KB |
9 | บทที่ 5 | 164.14 KB |
10 | บรรณานุกรม | 202.99 KB |
11 | ภาคผนวก ก | 77.92 KB |
12 | ภาคผนวก ข | 1,410.74 KB |
13 | ภาคผนวก ค | 2,525.33 KB |
14 | ภาคผนวก ง | 201.09 KB |
15 | ภาคผนวก จ | 214.21 KB |
16 | ภาคผนวก ฉ | 431.88 KB |
17 | ประวัติย่อของผู้วิจัย | 74.14 KB |