สืบค้นเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) จากฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (Thesis Database) ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาระดับการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของผู้บริหารและครู 2) ศึกษาระดับประสิทธิผลโรงเรียน 3) เปรียบเทียบการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของผู้บริหารและครู จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง ประสบการณ์การปฏิบัติงาน และขนาดโรงเรียน 4) เปรียบเทียบประสิทธิผลโรงเรียน จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง ประสบการณ์การปฏิบัติงาน และขนาดโรงเรียน 5) ศึกษาความสัมพันธ์ของการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของผู้บริหารและครูที่มีผลต่อประสิทธิผลโรงเรียน 6) ศึกษาอำนาจพยากรณ์ของการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของผู้บริหารและครูที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียน และ 7) หาแนวทางการพัฒนาการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของผู้บริหารและครูที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียน
กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยในครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้บริหารและครูผู้สอน จำนวน 324 คน จำแนกเป็นผู้บริหาร จำนวน 131 คน และครูผู้สอน จำนวน 193 คน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 ในปีการศึกษา 2560 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์แนวทางการพัฒนา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบ t-test ชนิด Independent Samples สถิติทดสอบ F-test แบบการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายของ Pearson Product-Moment Correlation Coefficient และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแต่ละขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1. การปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของผู้บริหารและครู โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก
2. ประสิทธิผลโรงเรียนโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก
3. การปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของผู้บริหารและครู จำแนกตาม สถานภาพการดำรงตำแหน่ง ประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน และขนาดโรงเรียน โดยรวมและรายด้าน ไม่แตกต่างกัน
4. ประสิทธิผลโรงเรียน จำแนกตาม จำแนกตาม สถานภาพการดำรงตำแหน่ง ประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน และขนาดโรงเรียน โดยรวมและรายด้าน ไม่แตกต่างกัน
5. การปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของผู้บริหารและครูกับประสิทธิผลการโรงเรียน โดยรวมพบว่า มีความสัมพันธ์ทางบวก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
6. การปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของผู้บริหารและครู จำนวน 3 ด้าน ที่สามารถพยากรณ์ประสิทธิผลโรงเรียน โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จำนวน 2 ด้าน ได้แก่ ด้านจรรยาบรรณต่อสังคม (X5) ด้านจรรยาบรรณต่อวิชาชีพ (X2) และมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำนวน 1 ด้าน คือด้านจรรยาบรรณต่อตนเอง (X1)
สามารถเขียนสมการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ในรูปคะแนนดิบ ได้ดังนี้
Y’ = 3.000 + 0.328 X2 + 0.253 X5 - 0.233 X1
และสามารถเขียนสมการวิเคราะห์การถดถอยในรูปคะแนนมาตรฐาน ได้ดังนี้
Z’ = 0.456 ZX2 + 0.320 ZX5 – 0.311 ZX1
7. แนวทางการพัฒนาการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของผู้บริหารและครู ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียน เสนอแนะไว้ 3 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านจรรยาบรรณต่อสังคม กำกับติดตามประเมินผลการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพ ทำงานร่วมกับหน่วยงานองค์กรของรัฐและเอกชนเพื่อเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 2) ด้านจรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ผู้บริหารและครูเข้ารับการพัฒนาตนเองเสมอ ปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพ ไม่ทำให้เกิดความเสียหายองค์กรวิชาชีพ และ 3) ด้านจรรยาบรรณต่อตนเอง ผู้บริหารและครูตั้งมั่นต่อจรรยาบรรณวิชาชีพ ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีและเหมาะสม
The purposes of this research were to: 1) examine the level of self-practice toward professional ethics of administrators and teachers under the Office of Nakhon Phanom Educational Service Area 2; 2) explore the level of school effectiveness; 3) compare self-practice toward professional ethics of administrators and teachers classified by position, work experience and school sizes; 4) compare school effectiveness classified by position, work experience and school sizes; 5) investigate the relationship between self-practice toward professional ethics of administrators and teachers affecting school effectiveness; 6) identify the predictive power of self-practice toward professional ethics of administrators and teachers affecting school effectiveness; and 7) establish the guidelines for developing self-practice toward professional ethics of administrators and teachers affecting school effectiveness.
The samples consisted of 324 educators, including 131 administrators and 193 teachers under the Office of Nakhon Phanom Educational Service Area 2 in the academic 2017. The instruments for data collection were a set of questionnaires and an interview form concerning the guidelines for developing. The statistics used for data analysis were mean, standard deviation, t – test (Independent Samples), F – test (One – Way ANOVA), Pearson Product-Moment Correlation Coefficient and Stepwise Multiple Regression Analysis.
The findings were as follows:
1. Self-practice toward professional ethics of administrators and teachers as a whole and each aspect were at a high level.
2. The school effectiveness as a whole and each aspect was at a high level.
3. Self-practice toward professional ethics by administrators and teachers with different position, work experience and school sizes, as a whole and each aspect were not different.
4. The school effectiveness as perceived by administrators and teachers with different position, work experience and school sizes, as a whole and each aspect were not different.
5. Self-practice toward professional ethics of administrators and teachers had a positive relationship with the school effectiveness as a whole at the statistical significance of the .01 level.
6. Self-practice toward professional ethics of administrators and teachers comprised three aspects. The two aspects- ethics on society (X5) and professional ethics (X2) - were able to predict the school effectiveness at the statistical significance of the .01 level, but at the statistical significance at the .05 level in terms of personal ethics (X1).
The equation could be summarized in raw scores as follows:
Y’ = 3.000 + 0.328 X2 + 0.253 X5 - 0.233 X1
and the predictive equation standardized scores was
Z’ = 0.456 ZX2 + 0.320 ZX5 – 0.311 ZX1
7. The guidelines for developing self-practice toward professional ethics of administrators and teachers affecting school effectiveness involved three aspects: 1) Ethics on society comprising monitoring and evaluation on self-practice toward professional ethics, working collaboratively with public Professional ethics. Administrators and teachers should develop themselves professionally, 3) Personal ethics. School administrators and teachers should commit to the professional ethics by being exemplary.
ลำดับที่ | ดาวน์โหลดไฟล์ | ขนาดไฟล์ |
1 | หน้าปก | 113.25 KB |
2 | ใบรับรองวิทยานิพนธ์ | 617.48 KB |
3 | ประกาศคุณูปการ | 68.61 KB |
4 | บทคัดย่อ | 253.10 KB |
5 | สารบัญ | 426.38 KB |
6 | บทที่ 1 | 399.13 KB |
7 | บทที่ 2 | 707.42 KB |
8 | บทที่ 3 | 778.04 KB |
9 | บทที่ 4 | 1,265.74 KB |
10 | บทที่ 5 | 404.95 KB |
11 | บรรณานุกรม | 330.72 KB |
12 | ภาคผนวก ก | 133.82 KB |
13 | ภาคผนวก ข | 369.17 KB |
14 | ภาคผนวก ค | 364.36 KB |
15 | ภาคผนวก ง | 244.06 KB |
16 | ภาคผนวก จ | 178.20 KB |
17 | ภาคผนวก ฉ | 125.57 KB |
18 | ภาคผนวก ช | 109.80 KB |
19 | ภาคผนวก ซ | 414.99 KB |
20 | ประวัติย่อของผู้วิจัย | 96.53 KB |