การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาและตรวจสอบรูปแบบการบริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็กที่มีประสิทธิผลสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1  การพัฒนารูปแบบการบริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็กที่มีประสิทธิผล โดยการศึกษาองค์ประกอบของรูปแบบการบริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็กที่มีประสิทธิผล ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับแนวคิด หลักการ ทฤษฎีการบริหาร บทบาทหน้าที่ และสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน  9 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบวิเคราะห์เนื้อหาและแบบสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง และการพัฒนารูปแบบการบริหารโรงเรียน ใช้เทคนิคเดลฟายแบบปรับปรุง  3 รอบ แหล่งข้อมูลมาจากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 21 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเดลฟาย รอบที่ 1 เป็นแบบสอบถามแบบเลือกตอบ เดลฟาย รอบที่ 2 และ 3 เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ระยะที่ 2 การตรวจสอบและยืนยันรูปแบบที่พัฒนาขึ้น กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอนในโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปีการศึกษา 2561 จำนวน 444 คน จำแนกเป็นผู้บริหารโรงเรียน 222 คน และครูผู้สอน 222 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางของยามาเน่ (Yamane) เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและนำรูปแบบไปให้ผู้เชี่ยวชาญ 9 คน พิจารณาด้วยการจัดประชุมผู้เชี่ยวชาญ

ผลการวิจัย พบว่า

1. รูปแบบการบริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็กที่มีประสิทธิผล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นโครงสร้างที่แสดงความสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ ระหว่างองค์ประกอบที่มีผลต่อการบริหารโรงเรียน ซึ่งมี 5 ด้าน คือ (1) ด้านภาวะผู้นำของผู้บริหาร (2) ด้านสมรรถนะของครู (3) ด้านสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน (4) ด้านวัฒนธรรมองค์การ และ (5) ด้านการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน และกระบวนการบริหารโรงเรียน ซึ่งมี 4 ด้าน คือ (1) ด้านวิธีการบริหาร (2) ด้านจัดการเรียนการสอน (3) ด้านการบริหารจัดการหลักสูตรและ (4) ด้านการประกันคุณภาพการศึกษา

2. รูปแบบการบริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็กที่มีประสิทธิผล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสมโดยรวมในระดับมากที่สุด (=4.66) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญ 9 คน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการบริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็กที่มีประสิทธิผลที่พัฒนาขึ้น อยู่ในระดับมาก ในด้านความเหมาะสม (µ = 4.38) และด้านความเป็นไปได้ (µ = 4.47) และระดับมากที่สุดในด้านความเป็นประโยชน์และด้านความถูกต้อง (µ = 4.67)

The objectives of this study were to develop and examine an effective administration model for small-sized secondary schools under the Secondary Education Service Area Offices in the North-eastern Region of Thailand. The study was divided into 2 phases. The first phase was the development of effective administration model for small-sized secondary schools by study of components of effective administration model for small-sized secondary schools by studying relevant documents on concepts, principles, administrative theories, roles and responsibilities as well as conducting an interview with 9 experts. The tools employed were a content analysis form and a non-structured interview form. The development of the model by applying modified Delphi technique 3 times. The tools used in the first application of modified Delphi technique was a close-ended questionnaire, while a 5-level rating scale questionnaire was used in the second and third application. The second phase was the examination and confirmation of the developed model. The sample group consisted of 222 school directors and 222 teachers, totally 444, in secondary schools under the Secondary Education Service Area Offices in the North-eastern Region of Thailand. Sample size was determined by using Yamane table. The instrument for data collection was a 5-level rating scale questionnaire. Data was analyzed by determining mean and standard deviation and the model received consideration from 9 experts in the expert group meeting.

The results are as follows.

1. The developed effective administration model for small-sized secondary schools under the Secondary Education Service Area Offices in the North-eastern Region of Thailand is a structure that shows a systematic relationship between the 5 components affecting school administration, which are (1) leadership of school director (2) teacher capacity (3) school environment (4) organizational culture (5) parents and community participation, and the process in school administration, which comprises 4 aspects namely (1) administration method (2) learning management (3) curriculum administration and management and  (4) education quality assurance. 

2. The appropriateness of the developed effective administration model for small-sized secondary schools under the Secondary Education Service Area Offices in the North-eastern Region of Thailand is at the highest level ( = 4.66). When considering in each aspect, it is found that the appropriateness of each aspect is also at the highest level. Apart from this, the 9 experts has the opinion that the propriety and feasibility of the developed model is at the high level with µ =4.38 and µ =4.47 consecutively while the developed model’s utility and accuracy is at the highest level with µ =4.67.