การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาและตรวจสอบความสอดคล้องของรูปแบบสมการโครงสร้างเชิงเส้นปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดกลาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22 กับข้อมูลเชิงประจักษ์ การดำเนินการมี 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 กำหนดกรอบแนวคิดการวิจัยโดยการวิเคราะห์เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และระยะที่ 2 การตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างรูปแบบเชิงสมมติฐานที่สร้างขึ้นกับข้อมูลเชิงประจักษ์ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 48 คน และครูผู้สอนจำนวน 452 คน รวม 500 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าดัชนีความสอดคล้อง ระหว่าง .60 – 1.00 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง .38 - .88 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ .97 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ

ผลการวิจัยพบว่า

1. รูปแบบสมการโครงสร้างเชิงเส้นของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดกลาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22  ประกอบด้วยตัวแปรที่เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน จำนวน 5 ตัวแปร ได้แก่ 1) ภาวะผู้นำทางวิชาการ มีตัวแปรสังเกตได้ 3 ตัวแปร 2) วัฒนธรรมองค์กร มีตัวแปรสังเกตได้ 5 ตัวแปร 3) บรรยากาศโรงเรียน มีตัวแปรสังเกตได้ 3 ตัวแปร 4) การจัดกระบวนการเรียนรู้ มีตัวแปรสังเกตได้ 5 ตัวแปร และ 5) ประสิทธิผลของโรงเรียน มีตัวแปรสังเกตได้ 4 ตัวแปร 

2. รูปแบบสมการโครงสร้างเชิงเส้นของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดกลาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22    มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่าไค - สแควร์ (Chi-Square :) เท่ากับ 76.31 ค่า df เท่ากับ 98 ค่าดัชนีวัดระดับความกลมกลืน (GFI) เท่ากับ .98 ค่าดัชนีวัดระดับความกลมกลืนที่ปรับแก้แล้ว (AGFI) เท่ากับ .97 และค่าความคลาดเคลื่อนในการประมาณค่าพารามิเตอร์ (RMSEA) เท่ากับ .00

The objectives of this study were to develop and examine the congruence between a linear structural equation model of factors affecting the effectiveness of the medium-sized secondary schools under the Secondary Educational Service Area Office 22 and empirical data. The study was divided into 2 phases. The first phase was identification of research framework using document analysis and related study review. The second phase was the examination of congruence between the developed structure model and the empirical data. The sample group were 500 participants, consisted of 48 school directors and 452 teachers. The instrument used in this study was a 5-level rating scale questionnaire with index of item objective congruence (IOC) between .60 and 1.00, discrimination index between .38-.88, and overall reliability value was .97. The collected data was analyzed by using statistical software program.

The findings showed that:

1. The linear structural equation model of factors affecting the effectiveness of the medium-sized secondary schools under the Secondary Educational Service Area Office 22 comprised of 5 variables affected to school effectiveness: 1) 3 observed variables of academic leadership; 2) 5 observed variables of organizational culture; 3) 3 observed variables of school atmosphere; 4) 5 observed variables of learning process management; and 5) 4 observed variables of school effectiveness.

2. The linear structural equation model of factors affecting the effectiveness of the medium-sized secondary schools under the Secondary Educational Service Area Office 22 showed congruence with the empirical data with Chi – square value () at 76.31, degree of freedom (df) at 98, Goodness of fit index (GFI) at .98, Adjust Goodness of fit Index (AGFI) at .97, and Root Mean Square Error of Approximation (RMSEA) at .00