สืบค้นเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) จากฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ (Thesis Database) ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับประสิทธิผลการปฏิบัติตามสมรรถนะหลัก 2) เปรียบเทียบประสิทธิผลการปฏิบัติตามสมรรถนะหลัก ตามคุณลักษณะส่วนบุคคล 3) แสวงหาแนวทางพัฒนาประสิทธิผลการปฏิบัติตามสมรรถนะหลัก กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นผู้มารับบริการจากหน่วยงานในสังกัดขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร จำนวน 360 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ .94 และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที t-test และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว One-way ANOVA
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิผลการปฏิบัติตามสมรรถนะหลักของข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ในภาพรวม อยู่ในระดับมากทุกด้าน เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านการบริการเป็นเลิศ อยู่ในระดับมาก รองลงมาคือ ด้านการมุ่งผลสัมฤทธิ์ อยู่ในระดับมาก ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ด้านการยึดมั่นในความถูกต้องและจริยธรรม อยู่ในระดับมาก
2. การเปรียบเทียบประสิทธิผลการปฏิบัติตามสมรรถนะหลักของข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ตามคุณลักษณะส่วนบุคคล สามารถสรุปผลได้ดังนี้
2.1 จำแนกตามคุณลักษณะด้านเพศ อายุ พบว่า ในภาพรวมและรายด้าน มีความแตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .05
2.2 จำแนกตามคุณลักษณะด้านระดับการศึกษา อาชีพ หน่วยงานที่มาใช้บริการ/ติดต่อ พบว่า ในภาพรวมและรายด้าน มีความแตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .01
2.3 จำแนกตามคุณลักษณะด้านรายได้เฉลี่ยต่อเดือน พบว่า ในภาพรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จำนวน 1 ด้าน คือ ด้านความเข้าใจในองค์กรและระบบงาน
3. ประสิทธิผลการปฏิบัติตามสมรรถนะหลักของข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ที่ควรนำไปศึกษาหาแนวทางพัฒนา มีจำนวน 3 ด้าน คือ 1) ด้านการยึดมั่นในความถูกต้องและจริยธรรม 2) ด้านความเข้าใจองค์กรและระบบงาน 3) ด้านการทำงานเป็นทีม
The purposes of this study were: 1) to investigate the degree of performance effectiveness of core competencies, 2) to compare the performance effectiveness of core competencies based on the personal backgrounds, and 3) to find a way to the development of performance effectiveness of core competencies. A sample used in the study was 360 recipients of service from the work units under the management of the Sakon Nakhon Provincial Administration Organization. The instrument used was a questionnaire which had the entire reliability coefficient of .94. Statistics used in data analysis were frequency, percentage, mean, standard deviation, t-test and one-way ANOVA.
Findings of the study revealed as follows:
1. The performance effectiveness of core competencies of government officials at the Sakon Nakhon Provincial Administration Organization as a whole was at high level . Considering it by aspect, the aspect that gained the highest mean score was of ‘excellent service’ which was at high level; followed by the aspect of ‘achievement orientation’ which was at high level. The aspect that gained the lowest mean score was of ‘adherence to righteousness and ethics’ which was at high level.
2. Comparisons of the performance effectiveness of core competencies of government officials at the Sakon Nakhon Provincial Administration Organization based on personal backgrounds can be concluded as follows:
2.1 As classified by background of sex, it showed that as a whole and as each aspect was found significantly different at the .05 level.
2.2 As classified by backgrounds of educational attainment, occupation, the
work unit from which they come to get service or contact, it showed that as a whole and as each aspect was found significantly different at the .01 level.
2.3 As classified by background of average income per month, it showed that as a whole was found not different. Considering it by aspect, it showed that the aspect of ‘understanding the organization and its systems’ was found significantly different at the .01 level.
3. The performance effectiveness of core competencies of government officials at the Sakon Nakhon Provincial Administration Organization that should be brought to investigate in order to find a way to the development comprises 3 aspects: 1) adherence to righteousness and ethics, 2) understanding the organization and its systems, and 3) working as team.
ลำดับที่ | ดาวน์โหลดไฟล์ | ขนาดไฟล์ |
1 | หน้าปก | 119.36 KB |
2 | ใบรับรองวิทยานิพนธ์ | 46.33 KB |
3 | ประกาศคุณูปการ | 81.04 KB |
4 | บทคัดย่อ | 98.99 KB |
5 | สารบัญ | 137.63 KB |
6 | บทที่ 1 | 141.21 KB |
7 | บทที่ 2 | 507.06 KB |
8 | บทที่ 3 | 287.49 KB |
9 | บทที่ 4 | 693.12 KB |
10 | บทที่ 5 | 139.26 KB |
11 | บรรณานุกรม | 205.62 KB |
12 | ภาคผนวก ก | 272.97 KB |
13 | ภาคผนวก ข | 74.41 KB |
14 | ภาคผนวก ค | 152.80 KB |
15 | ภาคผนวก ง | 109.47 KB |
16 | ภาคผนวก จ | 183.55 KB |
17 | ภาคผนวก ฉ | 96.60 KB |
18 | ภาคผนวก ช | 502.93 KB |
19 | ภาคผนวก ซ | 816.84 KB |
20 | ประวัติย่อของผู้วิจัย | 106.93 KB |